หากใครกำลังมองหาร้านอาหารไทย ที่เหมาะสำหรับครอบครัวหรือพาคนรักไปทานย่านใจกลางเมือง เรามีหนึ่งร้านในเครือที่โดดเด่นเป็นอย่างมาก เพราะร้านเปิดตั้งแต่ปี 2015 และการันตีคุณภาพด้วยรางวัล Michelin Guide ในหมวด Bib Gourmand ร้านอาหารแห่งนี้ มีชื่อว่า Baan restaurant “Thai Family Recipes”
Baan restaurant “Thai Family Recipes” คือร้านอาหารที่เปิดขึ้นมาจากสูตรอาหารของทางครอบครัว (Family Recipe) ของ เชฟต้น-ธิติฏฐ์ ทัศนาขจร ประกอบกับความตั้งใจในการนำเสนออาหารที่ใช้วัตถุดิบที่ทางร้านตั้งใจใช้ เพื่อเป็นการสนับสนุนคนพื้นที่ในประเทศไทย ดังนั้นของส่วนใหญ่ที่ใช้จะเป็นพวก Organic เกือบทั้งหมด
ถ้าพูดถึง เชฟต้น-ธิติฏฐ์ ทัศนาขจร หลายคนจะนึกถึงร้านอาหาร Fine Dining ที่มีชื่อว่า Le Du (ฤดู) ซึ่งจะรวมเทคนิค Cooking ของ Western เข้ามาแล้วเสิร์ฟเป็นคอร์ส แต่ในขณะที่ทางร้าน Baan จะมี Concept ของทางร้านต้องการนำเสนอความเป็น Casual Home Dining ที่ไม่ว่าใครก็สามารถมาทานได้อย่างไม่เคอะเขิน ต้องการให้มีความเป็น Daily Life ที่ทานได้ทุกวัน อยากให้มีความ Casual ให้เข้าถึงคนได้มากที่สุด
ต้องการให้เป็นอาหารที่เจอได้ทุกวัน กินได้ทุกวัน ประกอบกับวัตถุดิบที่คิดว่าหาได้ดีที่สุดเกษตรกร ชาวประมงพื้นบ้านที่จับปลาแบบใช้เรือเล็ก ไม่ใช้อวนลาก ซึ่งจะดีต่อทรัพยากรทั้งหมด และดีต่อคนรุ่นถัดไป
ในส่วนของพื้นที่ของทางร้าน สามารถรับได้ 30 คน สไตล์การตกแต่งของทางร้านจะออกเป็นแนวไทย เหมาะสำหรับครอบครัว หรือว่ามากับกลุ่มเพื่อน หรือคนรักที่มาเดตกัน เพราะด้วยบรรยากาศที่มีความอบอุ่น ผ่อนคลาย ด้านในพื้นที่ค่อนข้างโปร่งสบาย ไม่อึดอัด ด้วยโทนสีผนังที่ดูทึบ ตัดกับช่องกระจกที่คอยรับแสงธรรมชาติส่องเข้ามา
อาหารที่เราได้ชิมกันวันนี้คือเป็นเมนู Must Try ของทางร้าน เริ่มกันด้วย ไข่พะโล้ต้มแซ่บ ที่มีรสชาติเปรี้ยว เผ็ดร้อน และมีความเค็ม แต่ยังคงความเข้มข้นของรสชาติพะโล้ไว้อย่างเต็มเปี่ยม ไข่ไก่ที่ใช้จะเป็นไข่ไก่ Free Range จากฟาร์มธรรมชาติที่ปากช่อง ผสมกับเนื้อหมู Free Range ที่นำไปตุ๋นราว ๆ 6-8 ชั่วโมง เคี่ยวจนให้มีรสชาติเข้มข้น จากนำจึงปรุงน้ำต้มแซ่บแยก คือพอได้ทานแล้วจะได้รสชาติและกลิ่นของขิง ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด
แรงบันดาลใจของเมนูนี้มาจากที่สมัยเด็ก ๆ ในช่วงที่อาศัยอยู่กับคุณตา คุณยาย เขาก็จะทำไข่พะโล้แบบหม้อใหญ่ ๆ ไว้ ซึ่งปริมาณมันค่อนข้างเยอะ ๆ ทำให้ต้องกิน 3-4 วัน เลยเกิดเป็นความพลิกแพลงใส่พวกเครื่องต้มแซ่บเข้าไป เกิดเป็นเมนูนี้ขึ้นมา
กะเพราเนื้อดรายเอจ 30 วัน เป็นเมนูกะเพราตามแบบฉบับที่ควรจะเป็นจริง ๆ เนื้อวัวที่ถูกสับมาละเอียดแต่ยังคงความสู้ฟันพอประมาณตามแบบ Texture ที่ควรจะเป็น ผัดแห้ง ๆ ไฟแรง ๆ ใส่ด้วยส่วนผสมเพิ่มความร้อนแรงอย่าง ยี่หรา พริก กระเทียม รากผักชี ใบกะเพราแดงที่จะช่วยเพิ่ม Aroma ทานกับข้าวสวยร้อน ๆ คือฟินระดับสิบกะโหลกไปเลย!
ต่อมาเป็น หมูแดดเดียว อาหารทานเล่นยอดฮิตประจำร้าน ซึ่งใช้เนื้อหมู Free Range เช่นเดิม โดยเป็นส่วนคอหมู และสันนอกนำมาสไลด์ และไป Marinated ตากแดดพอหอมปากหอมคอ เพื่อไม่ให้เนื้อเหนียวเกินไป และยังคงความชุ่มชื้นของเนื้อไว้ จากนั้นก็นำไปทอด เสิร์ฟคู่กับซอสพริก เป็นอีกหนึ่งจานที่ทางเราอยากแนะนำ ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ก็ต่างติดใจ
นอกจากนี้ ทางร้านก็ยังมีเมนูเด็ดอีกมากมายให้ลอง ไม่ว่าจะเป็น ปลากะพงทอดน้ำปลาอย่างดี ที่ทางร้านใช้น้ำปลาดี จะไม่เหมือนน้ำปลาทั่วไป ความเค็มจะน้อยกว่าที่เป็นน้ำปลาแบบปรุง แต่จะกลมกล่อมมากขึ้น และช่วยชูรสชาติด้วย เสิร์ฟมาทั้งตัว ทอดกรอบ เนื้อฉ่ำ
สำหรับใครที่ชอบทานอาหารจำพวกแกง เราขอแนะนำเป็น มัสมั่นแกะตุ๋น เนื้อแกะไม่มีกลิ่นเลย ทานง่าย ตัวแกงก็ถึงเครื่องรสจัด ตุ๋นมาได้ที่ เลยทำให้เนื้อนุ่มละมุน หรือจะเป็นเมนู ซี่โครงหมูอบสับปะรด ซี่โครงหมูอบได้ที่ ได้รสชาติหวานจากน้ำซอส และมีรสชาติเปรี้ยวเล็ก ๆ จากสับปะรด ทานคู่กันในคำเดียวอร่อยมาก
สรุป : นี่เป็นอีกหนึ่งร้านอาหารไทยในเครือ Hungry Hub ที่อยากแนะนำมาก เพราะด้วยวัตถุดิบที่เป็นของโลคอล ประกอบกับรสชาติเข้มข้นที่ผ่านการปรุงและคิดค้นจากเชฟต้น ผู้ที่เป็นกรรมการในรายการ Top Chef Thailand ถือว่าเป็นอีกหนึ่งร้านที่ผู้คนชื่นชอบในการทานอาหารควรลองสักครั้ง!