กลับมากับเกร็ดความรู้กันอีกแล้ว เพื่อนๆอาจจะคุ้นหน้าคุ้นตากับ Salami หรือ ซาลามิ หนึ่งในเมนูอาหารยอดฮิตของฝั่งยุโรป ตามเมนูฝรั่งในร้านอาหารต่างๆ วันนี้เราเลยจะพาเพื่อนๆ มาทำความรู้จักกันให้มากขึ้น และไปหาคำตอบกันว่าเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับซาลามิ มีอะไรกันบ้าง ไปชมกันเลย!
Salami คืออะไร?
ซาลามิ Salami คือ ไส้กรอกหมักชนิดแห้ง (Dried Sausage ) โดยเป็นการนำเอาเนื้อหมู หรือเนื้อวัวดิบ มาบดพร้อมมันของเนื้อสัตว์ และปรุงรสด้วย เครื่องปรุง และเครื่องเทศต่างๆ โดยส่วนมาก ถ้าเป็นแบบ basic เลย ก็จะปรุงกับพวกเกลือและกระเทียม อาจจะมีไวน์แดงผสมด้วยเล็กน้อย จากนั้นบรรจุยัดไส้(casing) และนำไปตาก อาจจะตากแดดหรือ ตากแห้งในห้องควบคุมความชื้น ยิ่งตากนานกลิ่นและรสชาติของ Salami จะมีความเข้นข้นมากยิ่งขึ้น โดยส่วนมากจะตากทิ้งไว้ 2-5 เดือน รวมไปถึงการรมควันเพื่อให้กลิ่นและรสชาติที่ดีชึ้น
ในอดีตซาลามิจะใช้ไส้หมูแท้ๆเท่านั้นเป็นเปลือกในการยัดไส้ แต่ปัจจุบันมีซาลามิถูกผลิตออกมาหลากหลายแบบและหลายรสชาติ เพื่อเป็นการลดต้นทุน อุตสาหกรรมหรือโรงงานใหญ่ๆ ที่ผลิตซาลามิราคาถูก จะใช้แผ่นแป้งเลียนแบบ แทนไส้หมู การดูซาลามิที่ดีนั้น ต้องเป็นไส้หมูของจริงซึ่งสังเกตุได้จาก ของจริง เปลือกด้านนอกจะเป็นผงฝุ่นสีขาวปนดำ หน้าตาอาจจะดูสกปรกหน่อย เนื่องจากผงพวกนี้เป็นราที่เกิดจากการบ่มและตาก แต่เป็นราที่ทานได้ปลอดภัย แต่คนอิตาเลียนส่วนมากจะลอกเปลือกทิ้ง ส่วนซาลามิราคาถูก หน้าตาจะดูสะอาดขึ้นมาหน่อย จะเป็นผงสีขาวๆ ซึ่งผงพวกนี้ก็คือแป้ง แต่ไม่ใช่รานั่นเอง
คำว่า “Salami” ในภาษาอังกฤษนั้น มาจากรูปพหูพจน์ของคำว่า Salame ในภาษาอิตาลี ซึ่งแปลว่าเนื้อสัตว์ที่ผ่านการบ่มสไตล์ยุโรป หรือ สั้นๆคือ ‘เนื้อหมักเค็ม’ ส่วนมากเนื้อพวกนี้ถ้าเป็นแบบแห้งจะมีต้นกำเนิดจากอิตาลี ถือเป็นหนึ่งในอาหารที่อยู่ใน dry meat จำพวกที่เรียกว่า Salume ซึ่งนับเป็นวัฒนธรรมการถนอมอาหารที่สำคัญต่อการดำรงชีวิตของชาวตะวันตกอย่างมาก เป็นเทคนิคการถนอมอาหารแบบผสมผสาน (Hurdle Technology) ที่มีการใช้ทั้งเกลือ น้ำตาล ตถุเจือปนอาหาร (Food additive) เช่น ไนไทรต์ (nitrite) ไนเทรต (nitrate) การบรรจุในไส้ (casing) การหมักให้เกิดกรดแล็กทิก (lactic acid fermentation) การทำให้แห้ง (dehydration) และการเก็บรักษาที่อุณหภูมิต่ำ (cold storage) ทำให้อาหารสามารถอยู่ได้นานและประหยัดต้นทุนทางทรัพยากรธรรมชาติได้ด้วย
ในอดีตซาลามิ เป็นที่นิยมในหมู่ภาคใต้ ภาคตะวันออกและกลางยุโรป เพราะสามารถเก็บในอุณหภูมิห้องได้นานถึง 10 ปีเลยทีเดียว และสามารถใช้แทนเนื้อสดได้นั่นเองโดยซาลามิแบบดั้งเดิมจะมีอยู่ในประเทศแถบฝั่งยุโรปเช่น อิตาลี ฝรั่งเศส เยอรมนี เดนมาร์ก ฮังการี ในแต่ละประเทศจะมีความแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับวัตถุดิบของประเทศนั้นๆ และยังเป็นที่นิยม ไปประกอบอาหารในเมนูต่างๆ เช่น พิซซ่า สลัด แซนด์วิช หรืออาหารสไตล์อิตาเลียน และฝั่งยุโรป
วิธีการเก็บรักษา Salami
เชื้อราบางชนิดสามารถสร้างรสและสีที่ไม่พึงประสงค์ในเนื้อสัตว์ ทำให้เกิดการปนเปื้อนและก่อให้เกิดสารพิษ แต่เชื้อราบางชนิดไม่เป็นอันตราย ดังนั้นผู้ผลิตจึงต้องจำกัดเชื้อราที่มีความเสี่ยงเสมอ ในอุตสาหกรรมซาลามิส่วนใหญ่มักต้องการใช้สารกันบูดที่เป็นธรรมชาติมากกว่าสารกันบูดเทียม จึงมุ่งเน้นไปที่การใช้น้ำมันหอมระเหย เช่นพวก น้ำมันกานพลูและออริกาโน ซึ่งเป็นน้ำมันที่มีคุณสมบัติหรือฤทธิ์ต้านเชื้อราบนซาลามิ นับเป็นเป็นสารกันบูดตามธรรมชาติที่นิยมใช้กับการผลิตซาลามิ เนื่องจากน้ำมันเหล่านี้มีสารระเหย เมื่อใช้ในการผลิต จะทำให้สามารถต้านเชื้อราได้ดีที่สุด และไม่ทำให้ซาลามิเสียรสชาติ กลิ่นและ Texture ไปนั่นเอง
ในครัวเรือน การเก็บรักษาผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์เป็นสิ่งสำคัญ สำหรับอาหารแปรรูปต่างๆ ที่ผ่านการหมัก บ่มและตาก ก็มักเก็บได้นานอยู่แล้ว ยิ่งซาลามี่เป็นอาหารที่ใช้เทคนิคการถนอมอาหารแบบยุโรป จึงสามารถอยู่ในอุณหภูมิปกติได้ค่อนข้างนาน แต่หากต้องการเก็บรักษาให้นานยิ่งขึ้นและสดใหม่อยู่ตลอด เครื่องซีลสุญญากาศ เป็นทางเลือกที่ดี ในการเก็บรักษาเนื้อกให้คงสภาพได้นานที่สุด เพราะจะเป็นการรีดอากาศออกจากถุง ไม่ให้เนื้อสัตว์โดนลม หรือ เชื้อจุนลินทรีย์และแบคทีเรียต่างๆ ที่อยู่ในตู้เย็นหรือพื้นที่รอบข้าง
ทั้งนี้ มักเห็นได้ว่าซาลามิจะถูกแพ็คมาในรูปแบบของแพ็คสุญญากาศอยู่แล้ว เพราะเป็นวิธีที่ถูกต้องและได้มาตรฐานระดับอุตสาหกรรม แต่เราก็สามารถทำเองได้ที่บ้านเช่นกัน เพียงมีเครื่องซีลสุญญากาศขนาดเล็ก ก็สามารถเก็บซาลามิของเราให้สดใหม่ สะอาด ปลอดภัย ห่างไกลแบคทีเรียหรือเชื้อโรคปนเปื้อน ทานได้ดิบๆ ลิ้มรสซาลามิแบบไร้กังวล และไม่อันตรายต่อสุขภาพ และทางที่ดีเพื่อการเก็บรักษาที่มีประสิทธิภาพมากยิ้งขึ้น ควรใช้เครื่องอบลมร้อน หรือตู้อบแห้ง ก่อนทำการซีลเพื่อเก็บรักษา ควบคู่ไปด้วย
ทานซาลามี่ ส่งผลต่อสุขภาพอย่างไร?
ซาลามิมีรสชาติที่อร่อย ทานได้ง่าย และสะดวกสบายก็จริง แต่ในทางกลับกัน อาจก่อให้เกิดการแพ้สำหรับบางคน เนื่องจากซาลามิจะมีเชื้อราบางสายพันธุ์ ที่สามารถเป็นสารก่อภูมิแพ้ ซึ่งเกิดจากกระบวนการอบแห้งและบ่ม เพื่อเพิ่มรสชาติและหยุดการเติบโตของแบคทีเรีย และอีกอย่างคือ ซาลามินั้น มีไขมันอิ่มตัวและคอเลสเตอรอลค่อนข้างสูง ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและตับอ่อนอักเสบได้อีกด้วย ดังนัน ควรเลือกทานซาลามิคุณภาพดี ทานในปริมาณพอเหมาะ พร้อมทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และออกกำลังกายเป็นประจำเพื่อสุขภาพที่ดี
เป็นอย่างไรกันบ้างกับสาระน่ารู้ที่ Hungry Hub ได้เสนอไป เพื่อนๆคงรู้จักกับ Salami มากขึ้นแล้ว ใครยังไม่เคยลองทาน ก็สามารถไปลิ้มลองกันได้ สามารถหาซื้อได้ตามซุปเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำทั่วไป มีหลากหลายแบบและรสชาติมากๆ แต่ยังไงถ้าชอบ ก็ทานในปริมาณที่พอดีนะ เพื่อสุขภาพที่ดี!
สามารถติดตามโปรโมชั่น ที่ไม่ควรพลาดได้ที่ Facebook : Hungry Hub แอปจองมื้อพิเศษอันดับ 1 ของไทย
อ่านบทความอื่นๆที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ที่นี่