อยู่ในกรุงเต็มไปด้วยฝุ่นและความวุ่นวานมากมาย บางครั้งเราก็อยากจะหาที่ฮีลใจให้ตัวเองสักที่ โดยเฉพาะสวนสงบๆ สักที่ก็ดีต่อใจไม่ใช่น้อย วันนี้ Hungry Hub จะพาทุกคนไป รีวิว Rinji Japanese Dining Experience ร้านอาหารญี่ปุ่นในสวนสุดชิล ที่เป็นดั่งแลนด์มาร์คใหม่ใจกลางรามอินทรา จะมีอะไรที่น่าสนใจกันบ้างมาติดตามกันได้เลย
Rinji Japanese Dining Experience ร้านอาหารญี่ปุ่นในสวน ใจกลางรามอินทรา

สำหรับ Rinji Japanese Dining Experience เป็นร้านอาหารสไตล์ญี่ปุ่น บนพื้นที่รวมกว่า 2 ไร่ เปิดเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2565 โดยตัวร้านจะตั้งอยู่ที่ 82 2 ถนนคู้บอน แขวงบางชัน เขตคลองสามวา เปิดให้บริการตั้งแต่ 11 โมงจนถึง 3 ทุ่ม ซึ่งใครที่อยากเดินทางมาที่ร้านสามารถขับรถยนต์ส่วนตัวผ่านถนนคู้บอน แล้วเลี้ยวเข้าซอยคู้บอน 44 มาจอดที่ลานจอดรถด้านหลัง ที่จะมีที่จอดรถบริการมากกว่า 70 คัน หรือจะเรียกใช้บริการรถขนส่งผ่านแอปพลิเคชั่นแล้วปักพิกัดตัวร้านก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน


เมื่อเข้ามาแล้วก็จะพบกับบรรยากาศ แบบสไตล์ญี่ปุ่น โดยในส่วนของทางเดินมีความคล้ายกับการเดินบนถนนในเมือง ผ่านทางมาลาย ไฟจราจร ผ่านสถานที่ท่องเที่ยว หรือ แลนด์มาร์คสำคัญต่างๆของญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็น Spirited Away หรือ มิติวิญญาณมหัศจรรย์ ที่เราจะได้เห็นตัวละครแฟนตาซีจากในเรื่องอย่าง ผีไร้หน้า (คาโอนาชิ) ที่จะนั่งอยู่ที่ป้ายรถเมล์ หรืออย่าง โทโรโร่ จาก โทโรโร่เพื่อนรักเป็นต้น

ในส่วนของร้านอาหาร หรือ คาเฟ่นั้น ก็ได้มีการแบ่งออกเป็น 2 ร้านหลักๆด้วยกัน อย่าง Rinji Bean & Brew Cafe ก็จะเป็นคาเฟ่ ที่มีทั้งกาแฟ มัทชะ และเครื่องดื่มโซดาต่างๆ โดยภานในคาเฟ่นั้นก็จะมีของสะสมและโมเดลต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโมเดลกันดั้ม โมเดลหุ่นเจ้าหนูอะตอม ทรานสฟอร์เมอร์ โมเดลวันพีช เป็นต้น เหมาะสำหรับใครที่อยากจะมานั่งจิบเครื่องดื่มสบายๆ พร้อมกับนั่งชมโมเดลไปพลางๆ


ถัดมาจากคาเฟ่ ก็จะเป็นไฮไลท์หลักของเราในครั้งนี้ นั้นก็คือ Rinji Japanese Dining Experience ร้านอาหารสไตล์ญี่ปุ่นที่ต้องใช้คำว่าทำถึงแบบสุดๆ เพราะการแต่งแต่งภายนอกนั้นจะรอบล้อมไปด้วยสวนแบบเชนอันเขียวขจี และตัวร้านที่ให้ความรู้สึกเหมือนกับศาลเจ้าญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม


ในส่วนของด้านนอกนั้นจะมีหลากหลายโซนเริ่มต้นด้วยที่สวนของสวน Rinji Garden ที่ก็จะเป็นสวนแบบเชน หรือ Zen โดยตามคอนเซปต์ของร้านนั้นคำว่า Rinji จะหมายถึง ป่า หรือ สวนที่อุดมสมบูรณ์ จึงทำให้บรรยากาศโดยรอบนั้นเต็มไปด้วยต้นไม้ที่ให้ความร่มรื่น ราวกับว่านั้นอยู่ในสวนที่ญี่ปุ่นแบบจริงๆ


โซนต่อไปจะเป็นโซน Koi no ike ซึ่งก็จะเป็นโซนบ่อปลาคราฟ ที่มีน้ำตกย่อมๆ โดยอย่างที่ทุกคนรู้กันว่า ปลาคราฟ หรือ Koi ในทางของญี่ปุ่นนั้นถือว่าเป็นสัตว์สัญลักษณ์ ที่แสดงถึงความสุข ความรัก เช่นเดียวกับการที่เราได้นั่งมองสายน้ำที่ไหล และตัวปลาที่ไหว้เวียน ก็เป็นภาพที่ดูแล้วมีความสุขไม่น้อยเลย

และถ้าพูดถึงความสุข สิ่งที่มักจะมาคู่กันก็น้องพูดถึงเรื่องของโชคลาภ เพราะว่าในบริเวณข้างๆ บ่อปลาคราฟนั้นจะมีศาลเจ้าบิลลิเคน หรือ Billiken ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภ ที่เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์สำคัญที่สามารถพบเห็นได้ตามร้านอาหารญี่ปุ่น ใครที่อยากมาขอพรเพียงแค่น้ำมือลูบที่ฝ่าเท้าของรูปปั้นพร้อมกับหลับตาอธิษฐานขอพรในใจ ถือว่านี้เป็นจุดสำคัญที่ใครที่ได้มาแวะเวียนที่นี่ ต้องมาลองขอพรกันดู



พาทัวร์ข้างนอกกันไปเรียบร้อยแล้ว คราวนี้ก็ได้เวลาไปทานอาหารภายในร้านกัน บรรยากาศข้างในร้านก็จะให้ความรู้สึกแบบสบายๆ ด้วยการตกแต่งที่เน้นไปทางโทนสีไม้เป็นหลัก ประดับประดาไปด้วยโคมไฟ ภาพวาด และของสะสมต่างๆ แบบฉบับญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นตุ๊กตาดารุมะ หุ่นปลาคราฟ หมวกซามุไร บ้านจำลอง ต้นบอนไซ หรือแมวกวัก เป็นต้น ที่สำคัญ ก็ยังมีการเปิดเพลงบรรเลงเปียโนแบบสบายๆ ทำให้การมาทานอาหารนั้นเติมเต็มไปด้วยความสุขที่เปี่ยมล้นกันเลยทีเดียว

ที่นั่งภายในร้านก็จะมีการแบ่งออกเป็นโซนๆ อย่างเช่นโซนบาร์ด้านหน้า จะติดกับครัว เวลาสั่งอาหารก็จะสามารถนั่งชมเชฟทำอาหารได้อย่างใกล้ชิด ทั้งการชมการแล่ปลาสดๆ การปั้นซูชิ เป็นต้น หรือถ้าเกิดใครที่มาแบบครอบครัว เพื่อน หรือคนรู้ใจ ก็ยังสามารถเลือกที่นั่งอื่นๆภายในร้านได้ด้สยเช่นเดียวกัน แต่ถ้าเกิดใครที่อยากมาจัดงายเลี้ยง ที่นี่เขาก็ยังมีบริการเช่าสถานที่จัดงานเลี้ยงต่างๆ ที่สามารถรองรับแขกได้มากถึง 120 คนอีกด้วย

ในด้านของฝั่งอาหารนั้น ก็ทำถึงไม้แพ้กับเรื่องของบรรยากาศร้าน เพราะทุกวัตถุดิบของทางร้านนั้นคัดสรรมาเป็นอย่างดี ไม่ส่าจะเป็นอาหารทะเลที่จะมีความสดใหม่ หรือเครื่องเคียงต่างๆ พร้อมกับการรังสรรค์เมนูจากเชฟฝีมือดี ด้วยสูตรที่ไม่เหมือนใครเพื่อให้ทุกคนได้เข้าถึงรสชาติ แบบฉบับญี่ปุ้นได้อย่างเต็มที่
เมนูของทางร้านนั้นก็มีให้ได้เลือกสั่งหลายเมนูด้วยกัน ซึ่งก็จะมีทั้งเมนูอาทิ ชาชิมิที่จะมีแบบเดียวและแบบเซ็ต ซูชิ ซูชิโรล ซูชิมากิ กุงกัง ข้าวดงบุริ ข้าวแกงกะหรี่ สลัดไปจนถึงเมนูของทอด หรือ โอโคโนมิยากิเป็นต้น รวมๆกันแล้วก็มีให้เลือกกว่า 200 เมนูกันเลยทีเดียว แต่ถ้าใครที่อยากจะมาลองแต่ว่าไม่รู้จะสั่งอะไร เราก็มีเมนูแนะนำ ที่ใครได้แวะมาต้องลองสั่ง อาทิ

- Salmon Saikyo Roll แซลมอนไซเกียวโรล เป็นเมนูที่ใช้ปลาแซลมอนนำไปเบิร์นไฟ ให้เนื้อมีกลิ่นหอม แต่ยังนุ่มชุ่มฉ่ำ เพิ่มความฟินด้วยเทมปุระ และราดซอสที่ทวีคุณความอร่อยไปอีกระดับ

- Salmon Foiegras Roll แซลมอนฟัวกราส์โรล อัดหนักแบบเต็มพิกัดกับแซลมอน และฟัวกราส์ พร้อมกับโรยด้วยไข่กุ้ง และรายซอสเน้นๆ ทานทั้งคำบอกได้เลยว่าอร่อยแน่นอน

- Kurobuta Tonteki หมูคุโรบุตะ ตุ๋นซีอิ้วญี่ปุ่น ที่นำเนื้อหมูคุโรบุตะ นำมาหั่นเป็นชิ้นหนาๆ พร้อมกับราดซอสเข้มข้นสุดพิเศษของทางร้าน เหมาะสำหรับการทานคู่กับข้าวสวยร้อนๆ รับประกันความอร่อยเข้ากันอย่างลงตัว

- Mix Usu Tsukuri รวมมิตรซาชิมิแล่บาง ที่ยกขบวนสามสหายจากของทะเล มาแล่เป็นชิ้นบางๆ แต่ชิ้นใหญ่เต็มคำ ไม่ว่าจะเป็นปลาแซลมอน ปลาทูน่า แล้วก็ปลาฮามาจิ

- Soft Shell Crab Fried Salad สลัดปูนิ่ม เมนูสลัดที่เอาใจคนรักสุขภาพ ที่เสริฟมาแบบชามโตๆ พร้อมกับผักเครื่องเคียงหลากหลาย และปูนิ่มที่ราดน้ำซอสสลัด ให้รสชาติที่เปรี้ยวหวาน กำลังลงตัว

หากใครที่มาทานแบบครอบครัว แล้วมีลูกหลานทางร้านก็ยังมีบริการที่นั่งสำหรับเด็ก และพอทานแล้วรู้สึกเริ่มอิ่มๆ อยากแวะเล่นสักหน่อยก็มีรถไถ่สุดซิ่ง ที่สามารถให้เหล่าหนูๆตัวเล็กได้เพลิดเพลินกับความสนุก ในระหว่างช่วงที่คุณพ่อ คุณแม่ทานมื้อสุดพิเศษอีกด้วย และนี้ก็คือ รีวิว Rinji Japanese Dining Experience ร้านอาหารญี่ปุ่นในสวนฟิลดี ซึ่งถ้าใครอยากไปลองก็สามารถจองได้ที่ Hungry Hub ในราคาเริ่มต้นเพียง 463 บาทต่อท่านเท่านั้น บอกได้เลยว่าคุ้มมาก
สามารถติดตามโปรโมชั่น ที่ไม่ควรพลาดได้ที่ Facebook : Hungry Hub แอปจองมื้อพิเศษอันดับ 1 ของไทย
อ่านบทความอื่นๆที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ที่นี่