สวัสดีครับ ผู้ใช้ระบบการจอง Hungry Hub Reservation Premium ทุกท่าน วันนี้ Hungry Hub พาทุกท่านมาทำความรู้จัก ทำความเข้าใจ และแนะนำวิธีการใช้งานระบบ Dashboard หรือ เรียกง่ายๆว่า ระบบหลังบ้าน ของร้านอาหาร ที่ทาง Hungry Hub สร้างขึ้นเพื่อให้ร้านอาหารใช้ดูยอดการจอง จัดการการจองและจัดการที่นั่งได้ง่ายๆ ได้ด้วยตัวเอง
แบ่งเป็น 10 หัวข้อหลัก ดังนี้
- วิธีการเข้าสู่ระบบร้าน และ หน้าแรก
- About Reservation (รวมข้อมูลเกี่ยวกับการจอง) + วิธีการใช้ตัวกรอง
- Reservation Status (สถานะการจอง) + การทำ Test Booking
- Edit (การแก้ไขการจอง)
- ราคาเด็ก
- Allotment (สถานะที่นั่ง)
- Block (การบล็อกที่นั่ง)
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อ พร้อมดูวีดีโอประกอบได้เลยครับ
1. วิธีการเข้าสู่ระบบร้าน และ หน้าแรก
วิธีการ เข้าสู่ระบบ – ร้านอาหารจะได้รับลิงก์เข้าสู่ Dashboard และ ชื่อผู้ใช้ พร้อมรหัสผ่าน จาก Hungry Hub สำหรับเข้าสู่ระบบ (เลือก จดจำรหัสผู้ใช้ เพื่อเข้าสู่ระบบอัตโนมัติในครั้งต่อไป)
ลิงก์เข้าสู่ Dashboard : https://hungryhub.com/dashboard/v2/owners/sign_in?locale=th
หน้าแรก – เมื่อร้านอาหารทำการเข้าสู่ระบบสำเร็จ จะพบกับ หน้าสรุปรวมการจองแบบคร่าวๆ หน้านี้จะแสดงข้อมูลเกี่ยวกับ ยอดจอง จำนวนลูกค้า และรายได้ แบ่งเป็นยอดของเดือนปัจจุบัน เดือนที่แล้ว และสองเดือนที่แล้ว
2. About Reservation (รวมข้อมูลเกี่ยวกับการจอง) และการใช้ตัวกรอง
เมื่อกดปุ่ม การจอง ที่แถบเมนูด้านบน จะพบกับข้อมูลการจองทั้งหมดที่เกิดขึ้น ประกอบไปด้วย
1. หมายเลขการจอง
– เมื่อลูกค้าทำการจองสำเร็จ จะได้รับหมายเลขการจอง ผ่าน SMS และ Email เพื่อใช้แจ้งกับเจ้าหน้าที่หน้าร้านก่อนเข้าไปรับประทานอาหาร
– หมายเลขการจองของแต่ละครั้ง จะไม่ซ้ำกัน
2. วันที่ ที่ลูกค้าไปทาน
3. เวลา ที่ลูกค้าไปทาน
4. ชื่อลูกค้า สามารถกดไอคอน ? เพื่อดูเบอร์โทรลูกค้า
– ในกรณีที่เป็นลูกค้าทั่วไป จะแสดงแค่เบอร์โทร
– ในกรณีที่เป็นลูกค้าที่สมัครสมาชิก จะแสดง เบอร์โทร ข้อมูลการจองที่ผ่านมาของลูกค้า
5. จำนวนลูกค้าที่ไปทาน
– ในกรณีที่มีเด็ก จะแสดงผลรวม (จำนวนผู้ใหญ่+จำนวนเด็ก) เช่น 5 (3A + 2K)
– สำหรับ ราคาเด็ก แพ็คเกจ All You Can Eat และ Party Pack จะคิดตามเงื่อนไขของ Hungry Hub ส่วน แพ็คเกจ Buffet Plus ยึดเงื่อนไขตามหน้าร้าน <อ่านเพิ่มเติมได้ที่หัวข้อ ราคาเด็ก>
6. สถานะ
– สถานะของลูกค้า เป็นลูกค้าที่กำลังจะมา / ยกเลิก / ไม่แสดงตัว เป็นต้น
7. Package details รายละเอียดแพ็กเกจที่ลูกค้าจอง
7.1 ประเภทแพ็กเกจ
7.2 ชื่อแพ็คเกจ ราคา/ท่าน
7.3 , 7.4 หากลูกค้าจ่ายแล้ว จะโชว์แถบสีแดงและขึ้นข้อความ จ่ายแล้ว
กรณีจ่ายด้วยบัตรเครดิต จะแสดงข้อความ จ่ายแล้ว พร้อมจำนวนเงินที่จ่าย
กรณีจ่ายด้วยแสกน จะแสดงข้อความ QR Code
8. คำขอพิเศษ
– ความต้องการเพิ่มเติมของลูกค้า เช่น ขอโต๊ะริมกระจก ขอเค้กวันเกิด ในกรณีที่ร้านต้องการตอบคำขอพิเศษนี้ สามารถโทรหาลูกค้าได้เลย
– ในกรณี ลูกค้าจ่ายล่วงหน้าเข้ามาแล้ว จะแสดงจำนวนเงิน ในช่องนี้ด้วย
ตัวเลือกแอคชั่น
– ปุ่มกดต่างๆ เช่น แก้ไขการจอง กดยืนยันว่าลูกค้ามาถึงแล้ว หรือ ลูกค้าไม่มา <ในฟังก์ชั่นนี้ จะอธิบายในหัวข้อ สถานะการจอง และ การแก้ไข>
วิดีโออธิบายหน้าการจอง
วิดีโออธิบาย วิธีการใช้ตัวกรอง
3. Reservation Status (สถานะการจอง)
ในส่วนนี้ จะอธิบายถึงสถานะการจองของลูกค้า วิธีการเปลี่ยนสถานะการจอง ที่ร้านจะต้องกดในกรณีต่างๆ
** หากมีลูกค้าจองเข้ามาในระบบ ร้านจะได้รับ การแจ้งเตือนผ่าน SMS และ Email ที่กำหนดไว้
สถานะของลูกค้า จะมีดังนี้ ถึงแล้ว / ยกเลิก / และไม่แสดงตัว
– Arrived (ถึงแล้ว) คือ ลูกค้าที่มาใช้บริการแล้ว ในกรณีที่ลูกค้ามาถึงร้าน ตามเวลาที่จองไว้ ร้านอาหารต้องกดปุ่ม ถึงแล้ว ในช่องตัวเลือกแอคชั่น
– Cancel (ยกเลิก) คือ การจองที่ถูกยกเลิก โดยร้าน/ทีมงาน ในกรณีที่ลูกค้าต้องการให้ร้านยกเลิกให้ ร้านสารถกด แก้ไข เพื่อเปลี่ยนสถานะการจอง เป็นยกเลิกได้ โดยจะต้องใส่เหตุผลที่ทำการยกเลิกการจองนั้นด้วย เช่น ลูกค้าต้องการให้ยกเลิกให้ เมื่อการจองเปลี่ยนสถานะแถบสีของการจองที่ถูกยกเลิกจะเปลี่ยนเป็นสีส้ม
– Cancel (modified) คือ การจองที่ ได้ถูกยกเลิก เพราะมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลการจองโดยลูกค้าก่อนถึงเวลาจอง เช่น เปลี่ยนแปลงเวลา วันที่ แพ็คเกจ เป็นต้น โดยลูกค้าท่านเดิมจะได้รับเลขการจองชุดใหม่มาแทน เมื่อการจองเปลี่ยนสถานะแถบสีของการจองที่ถูกยกเลิกจะเปลี่ยนเป็นสีส้ม
– Cancel by user (ยกเลิก by user) คือ การจองที่ถูกยกเลิกก่อนถึงเวลาจองโดยลูกค้า เมื่อการจองเปลี่ยนสถานะแถบสีของการจองที่ถูกยกเลิกจะเปลี่ยนเป็นสีส้ม
– No show (ไม่แสดงตัว) คือ ลูกค้าที่ไม่แสดงตัว ภายในเวลา 30 นาที นับจากเวลาที่จองไว้ (ในกรณีที่ลูกค้าหายไปเลย ไม่ได้ติดต่อร้านเข้ามาทำการยกเลิกการจองเท่านั้น) ร้านอาหารจะต้องกดปุ่ม ไม่แสดงตัว ในช่องตัวเลือกแอคชั่น (ขอให้ร้านพิจารณาตามเหตุผลจริง เนื่องจาก สถานะ no show อาจส่งผลถึงลูกค้า ในการได้รับโปรโมชั่นต่างๆ ของ Hungry Hub ในอนาคต เมื่อการจองเปลี่ยนสถานะเป็น ไม่แสดงตัว แถบสีจะเปลี่ยนเป็นสีแดง
วิดีโออธิบายหน้าการจองสถานะการจอง
จำลองสถานการณ์ ที่จะเกิดขึ้นในเหตุการณ์ต่างๆ ร้านจะต้องทำดังต่อไปนี้
สำหรับร้านอาหารใหม่ ทาง Hungry Hub จะทำการส่ง Test Booking จำลองสถานการณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวกับการจอง ร้านจะต้องลองกดปุ่มแอคชั่นต่างๆให้ครบทุกสถาณการณ์ เพื่อทำความเข้าใจและถือเป็นการลองใช้จริง
เหตุการณ์ที่ 1 :
– เมื่อลูกค้ามาถึงร้าน ตามวันและเวลาที่จองเมื่อลูกค้าถึงร้าน ลูกค้าจะแจ้งหมายเลขการจองที่หน้าร้าน
– ร้านต้อง กดปุ่ม Arrived (สถานะจาก Pending Arrival จะถูกเปลี่ยนเป็น Arrived)
เหตุการณ์ที่ 2 :
– เมื่อลูกค้าไม่แสดงตัว ตามวันและเวลาที่จอง
– เมื่อลูกค้าไม่แสดงตัว ร้านจะต้องกดปุ่ม No Show (สถานะจาก Pending Arrival จะถูกเปลี่ยนเป็น No Show ขึ้นแถบสีแดง)
เหตุการณ์ที่ 3 : เมื่อลูกค้าต้องการยกเลิก
– เมื่อลูกค้าขอ Cancel ร้านจะต้องกดปุ่มแก้ไข
– จากนั้นเลือกเปลี่ยนสถานะจาก Pending Arrival เป็น Cancel เพื่อทำการยกเลิก
เหตุการณ์ที่ 4 : เมื่อลูกค้าต้องการเปลี่ยนข้อมูล วัน เวลา
– เช่น ลูกค้าจองไว้เวลา 18.00 แต่ต้องการเปลี่ยนเวลาเป็น 19.00
– ร้านจะต้องกดปุ่มแก้ไข จากนั้นเลือกเปลี่ยนเวลาเป็น 19.00 หลังจากนั้นกดปุ่ม update
4. Edit (การแก้ไขการจอง)
– ในกรณีที่ ลูกค้าต้องการ เปลี่ยนแปลงข้อมูลทุกอย่างของการจองนั้นๆ
หากลูกค้าขอให้ร้าน เพิ่ม-ลด จำนวนคน เปลี่ยนแปลงเวลา เปลี่ยนแปลงแพ็คเกจ ร้านสามารถ กด แก้ไข ที่ช่อง ตัวเลือกแอคชั่น และทำการแก้ไขรายละเอียดได้เลย จากนั้น กดปรับปรุง เพื่ออัพเดทข้อมูล
– ในกรณีที่ร้านต้องการ เปลี่ยน สถานะ ของลูกค้า
ร้านสามารถแก้ไขสถานะ เป็น กำลังมา / ถึงแล้ว / ไม่แสดงตัว รวมถึง ยกเลิก โดย กดเลือกที่ สถานะ มุมขวาบนของหน้าแก้ไข หากเป็นการยกเลิก จะต้องใส่เหตุผลที่ทำการยกเลิกการจองนั้นด้วย
* ทุกการจอง ร้านสามารถแก้ไขข้อมูลได้ ภายใน 24 ชั่วโมง แรกนับจากที่ลูกค้าไปทาน เช่น ลูกค้าทาน 19.00 วันที่ 27 ร้านจะแก้ไขสถานะได้ถึง 19.00 ของวันที่ 28
– ในหน้าแก้ไขการจอง จะมีวันที่และเวลา ที่ลูกค้าสร้างการจองนั้นขึ้นมา แสดงให้เห็นในรายละเอียดการจอง
วิดีโออธิบาย การแก้ไขการจอง และ การแก้ไขสถานะ
5. ราคาเด็ก
ราคาเด็ก จะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของหน้าร้าน โดยร้านอาหารต้องแจ้งเงื่อนไขให้กับทีมงาน Hungry Hub รับทราบข้อมูล เพื่อสื่อสารกับลูกค้าได้ถูกต้อง
6. Allotment (สัดส่วน/จำนวนที่นั่ง)
ในส่วนของ สัดส่วนจำนวนที่นั่ง ที่ร้านเปิดให้ลูกค้า Hungry Hub สามารถจองได้ ดูได้ที่ สัดส่วน/จำนวนที่นั่ง บนแถบเมนู โดยจะแสดงเป็นตารางตามวันที่ ในตาราง แนวนอนคือชั่วโมง จะแสดงทุก 1 ชั่วโมง และแนวตั้งคือ นาที จะแสดงทุก 15 นาที
สีเหลี่ยมสีเขียว หมายถึง ช่วงเวลาที่จองได้
สีเหลี่ยมสีแดง หมายถึง ช่วงเวลาที่จองไม่ได้
ตัวเลขในสี่เหลี่ยม หมายถึง สัดส่วนจำนวนที่นั่ง ตามที่ร้านเปิด (แต่ละร้านสัดส่วนอาจไม่เท่ากัน)
– ตัวหนามุมบน คือ จำนวนที่นั่งทั้งหมดที่เปิดให้จองได้
– ตัวบางมุมล่าง คือ ที่นั่งที่เหลืออยู่/ที่สามารถจองได้
วิดีโออธิบาย การดูสัดส่วนที่นั่ง
7. Block Restaurant (การบล็อกร้านอาหาร)
การบล็อกร้านอาหาร คือ การปิดที่นั่ง ไม่ให้ทำการจองเข้ามาเพิ่มได้ โดยใช้ในกรณีที่จำเป็นเท่านั้น เช่น ที่นั่งในร้านเต็ม, วัตถุดิบหมด, พนักงานไม่เพียงพอ เป็นต้น ร้านสามารถโดยเลือกปิด ทั้งวัน หรือ ปิดตามช่วงเวลาได้ (จำกัดการปิดที่นั่งได้ทีละ 1 วันเท่านั้น) ทั้งนี้การจองที่ถูกจองเข้ามาก่อน ที่ร้านจะปิดในช่วงเวลาๆ นั้น ร้านอาหารควรที่จะรับลูกค้าไปตามปกติ ดูเทคนิคการปิดที่นั่ง : คลิก
วิดีโออธิบาย วิธีการปิดที่นั่ง
หากร้านอาหารมีข้อสงสัย หรือ ต้องการความช่วยเหลือ สามารถติดต่อได้ที่ Line: @hhrestaurant