การตลาด ร้านอาหาร ที่น่าจับตามอง นั่นก็คือ การตลาดออนไลน์ ในปัจจุบัน ปฏิเสธไม่ได้ว่าการตลาดออนไลน์มีความสำคัญอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการโปรโมทผ่านสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ เช่น เฟซบุ๊ก / อินสตาแกรม / การซื้อโฆษณา Google Ads word (SEM) / ทำคอนเทนต์ SEO แต่ก็มีร้านอาหารจำนวนไม่น้อยที่เจอปัญหาว่า ไม่ว่าทำการตลาดไปมากมาย แต่ยอดคนเข้าถึงหรือยอดขายก็ไม่ได้มากขึ้นอย่างที่ต้องการ …นั่นเป็นเพราะ “คุณยังสื่อสารได้ไม่กว้างพอ” ด้วยเหตุผลนี้ ทำให้การตลาดแบบใช้ ‘Blogger (บล็อกเกอร์) หรือ นักรีวิวที่มีผู้ติดตามจำนวนมากๆ’ เป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์และช่วยดันยอดขายได้ไม่น้อย เป็นอีกหนึ่ง การตลาด ร้านอาหาร ที่น่าจับตามอง
“สงสัยมั้ยว่า การใช้บล็อกเกอร์รีวิว ดียังไง ช่วยดันยอดขายได้จริงมั้ย
เรทราคาค่าจ้างเท่าไหร่ จะคุ้มค่าจริง ๆ หรือเปล่า แล้วจะวัดผลได้ยังไง?”
การตลาด ร้านอาหาร ‘Blogger’
How we do:
- การตลาด ช่วยร้านอาหาร ในแบบฉบับ Hungry Hub รวมพันธมิตร Blogger มากกว่า 70 เพจ
- Hungry Hub ส่งบล็อกเกอร์รีวิวร้านอาหารให้ ฟรี โดยที่ร้านไม่ต้องจ่ายค่า Blogger
- Blogger ทุกเพจ วัดผลได้ ว่าทำยอดขายจากโพสต์นั้นๆได้เท่าไหร่
- Hungry Hub จ่ายค่าโฆษณาและทำการตลาดให้
- ร้านอาหารได้ช่องทางโปรโมททั้งช่องทาง own media หรือ สื่อในมือของ Hungry Hub และ paid media สื่อที่ Hungry Hub ลงทุนให้
Hungry Hub มองเห็นถึงโอกาสในการใช้ Blogger จึงได้เริ่มทำ Affiliate Marketing มาทำการตลาดให้ร้านอาหาร โดยการรวบรวม Blogger เข้ามาเป็นพันธมิตร และส่งไปรีวิวร้านอาหารที่เข้าร่วมกับ Hungry Hub พร้อมแบ่งค่าคอมมิชชั่น เพื่อช่วยสร้างยอดขาย และสร้าง Brand awareness จากกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ให้ร้านอาหารอีกด้วย
#รู้หรือไม่ 61% ของผู้บริโภค พบว่า คอนเทนต์ของ Micro influencer เข้าถึงพวกเขาได้ดีกว่า Influencer เบอร์ใหญ่ๆ
ข้อมูลจาก Social Media Today
ทำความรู้จัก Affiliate Marketing แบบฉบับ Hungry Hub
Affiliate Marketing (แอฟฟิลิเอท มาร์เก็ตติ้ง) หรือ การตลาดแบบช่วยขาย คือ การที่เจ้าของสินค้า (Advertiser) ต้องการให้เจ้าของสื่อ (Publisher) พูดถึงสินค้าของเรา เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้า (Customer) ที่ติดตามสื่อนั้น ตัดสินใจซื้อ นั่นหมายความว่า เจ้าของสินค้ามีโอกาสที่จะได้ลูกค้าใหม่ๆ ได้ฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นและยังได้เป็นที่รู้จัก โอกาสที่จะขายได้ก็ยิ่งมากขึ้น และทุกยอดขายที่ทำได้ Publisher จะได้ค่าคอมมิชชั่นเป็นการตอบแทน ซึ่งแตกต่างจาก Influencer Marketing ที่เป็นการจ้างรีวิว จ่ายก้อนเดียวจบ ไม่มีการติดตามผล
เช่นเดียวกับ Hungry Hub ที่เลือกใช้ Blogger ในการรีวิวร้านอาหาร เพื่อสร้างยอดขาย ซึ่ง Blogger แต่ละเพจ จะมีผู้ติดตามอยู่แล้ว ตั้งแต่ หลักพัน จนถึง หลักแสน และแต่ละเพจก็มีจุดเด่นและความถนัดที่แตกต่างกัน ทำให้สามารถเลือกส่ง Blogger ได้แทบจะทุกประเภทอาหาร โดยในส่วนนี้ Hungry Hub จะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด ทั้งค่าคอมมิชชั่นของ Blogger ค่าเดินทาง พร้อมจ่ายค่าโฆษณา เช่น บูสต์โพสต์ และ ทำการตลาดให้ใน own media ของ Hungry Hub เช่น Facebook, Instagram และ Blog Website
#รู้หรือไม่ พันธมิตรบล็อกเกอร์จาก Hungry Hub เคยสร้างยอดขายให้ร้านอาหาร สูงสุดทะลุ 1 ล้านบาท!
จะเห็นว่า Blogger ที่เป็นพันธมิตรของ Hungry Hub มียอดผู้ติดตามหลากหลาย ตั้งแต่หลักพัน ถึง หลักแสน แต่อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้ติดตามก็ไม่ได้เป็นตัวชี้วัดว่าจะทำยอดได้ดีหรือไม่ ซึ่งจุดนี้ Hungry Hub ได้ทำระบบที่สามารถวัดได้ว่า Blogger แต่ละเพจ ในแต่ละโสต์ที่รีวิว สร้างยอดขายได้เท่าไร และทำให้รู้ได้ว่า Blogger เพจไหน รีวิวร้านประเภทใดได้ดีที่สุด
Blogger จาก Hungry Hub vs ร้านจ้าง Blogger เอง
ร้านอาหารที่กำลังคิดจะทำการตลาดแบบจ้าง Blogger จะต้องผ่านหลายขั้นตอน เช่น ต้องติดต่อ Blogger เจรจาเรื่องค่าใช้จ่าย โดยปกติ Blogger ที่รีวิวสายกิน จะเริ่มต้นที่ 5,000 บาท / โพสต์ ซึ่ง Blogger ที่มียอดผู้ติดตามสูงๆ ก็จะยิ่งแพง และ Blogger ที่มีเว็บไซต์ เรทราคาก็จะสูงขึ้นไปอีก เริ่มที่ 8,000 เป็นต้นไป และเป็นการจ่ายเงินครั้งเดียวจบงาน เหมือน Influencer Marketing ดูผลลัพธ์เป็นยอดไลค์ ยอดแชร์หรือจำนวนคอมเมนต์ แต่ไม่มีการวัดผลเป็น conversion rate ทำให้ไม่รู้ว่าเงินที่เสียไป ได้กลับมาเท่าไหร่กันแน่
ในทางกลับกัน ร้านอาหารที่เข้าร่วมกับ Hungry Hub จะได้รับการส่ง Blogger เข้าไปรีวิว โดยเป็น Blogger ที่เป็นพันธมิตรกับ Hungry Hub มียอดผู้ติดตามตั้งแต่ หลักหมื่น ถึงหลักแสน และบางเพจมีเว็บไซต์ของตัวเองอีกด้วย ซึ่งค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ Hungry Hub จะจ่ายเองทั้งหมดและติดต่อให้เอง ส่วนร้านอาหารเสียค่าใช้จ่ายในส่วนของ ค่าอาหาร เท่านั้น
ซึ่งจุดเด่นของ Blogger ที่มาจาก Hungry Hub คือ สามารถดูได้ว่า Blogger แต่ละเพจที่ส่งไปรีวิว มียอดขายจากโพสต์นั้นเท่าไหร่ โดยที่ Blogger แต่ละคนจะมีลิงก์จอง และ ตรวจสอบได้ว่า มีลูกค้าจองผ่านลิงก์นั้นกี่หัว ทำให้ร้านอาหารรู้ได้ว่า food cost ที่เสียให้กับ Blogger คุ้มหรือไม่
หากร้านอาหารสนใจการตลาดของ Hungry Hub หรือ อยากทำความรู้จัก Hungry Hub ให้มากขึ้น อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก
หรือ หากคุณ Blogger ที่สนใจร่วมเป็นพันธมิตรของ Hungry Hub สามารถติดต่อได้ที่ Email : [email protected]
รวมเทคนิคเพื่อร้านอาหาร ที่เจ้าของร้านอาหารห้ามพลาด :