อะโวคาโด ถือเป็นอาหารสุขภาพยอดฮิตอย่างหนึ่ง ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณประโยชน์มากมาย แถมมีรสชาติและ Texture ที่สามารถนำไปประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู และถึงแม้ว่าอะโวคาโดจะมีปริมาณไขมันที่เยอะ แต่ทำไมยังคงเป็นขวัญใจสายสุขภาพ วันนี้เราจะพามาหาคำตอบกัน
อะโวคาโด คืออะไร?
อะโวคาโด (Avocado) หรือเรียกอีกชื่อว่า ลูกเนย นับเป็นผลไม้ที่มีเนื้อนวล และมัน มีลักษณะเป็นรูปทรงกลมหรือทรงไข่ มีเปลือกสีเขียวและจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล ออกม่วงดำเข้มเมื่อเริ่มสุก เนื้อด้านในมีสีเขียวออกไปทางเหลือง เนื้อเนียนละเอียด รสชาติมัน ไม่มีกลิ่นเหม็นเขียว อะโวคาโดเป็นพืชพื้นเมืองของรัฐปวยบลา ของประเทศเม็กซิโก จัดเป็นพืชที่อยู่ในตระกูลเดียวกันกับกระวาน, อบเชย และเบย์ลอเรล (Bay Laurel) ที่มีการเพราะปลูกและค้าขายในภูมิอากาศเขตร้อนทั่วโลก โดยมีการนำมาปลูกครั้งแรกในประเทศไทย ที่จังหวัดน่าน มีหลากหลายพันธุ์ทั้งเปลือกแข็งและเปลือกบาง
ประโยชน์ของอะโวคาโด
อะโวคาโดนับเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากๆ เพราะอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญต่างๆที่ร่างกายต้องการ ทั้งวิตามินเอ บี ซี อีโพแทสเซียม โฟเลท กรดไขมันดี ชนิดไม่อิ่มตัว สารต้านอนุมูลอิสระ และสารแคโรทีนอยด์ต่างๆถึง 11 ชนิด ซึ่งวันนี้ Hungry Blog ก็ได้รวบรวมสรรพคุณของอะโวคาโดที่สำคัญๆได้ดังนี้
- ช่วยลดน้ำหนัก : เนื่องจากอะโวคาโดเป็นผลไม้ที่มีไฟเบอร์สูง มีไขมันดี คือพวกไขมันไม่อิ่มตัว โปรตีนสูง ย่อยง่ายช่วยให้ขับถ่ายได้ดี และมีน้ำตาลกับคาร์โบไฮเดรตปริมาณต่ำ แถมยังมีกรดโอเลอิก ที่มีฤทธิ์ช่วยให้อิ่มเร็ว อยู่ท้องและยังลดไขมันไม่ดีในเลือดได้ด้วย
- ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ : เนื่องจากอะโวคาโดมีไขมันดีอยู่มาก จึงไปช่วยลดไขมันที่ไม่ดีในร่างกายและลดคอเลสเตอรอลในเลือด ซึ่งจะช่วยไม่ให้เกิดไขมันสะสมในเลือด อันเป็นสาเหตุในหัวใจตีบและเกิดความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจนั่นเอง
- บำรุงสายตา ป้องกันโรคปากนกกระจอกและลดอาการเหน็บชา : เนื่องจากอะโวคาโดมีทั้งวิตามินเอ บี ซี อี ทั้งช่วยบำรุงสายตา ลดการอักเสบ และลดความเสี่ยงของการเกิดอาหารเหน็บชาและโรคปากนกกระจอก ทั้งยังมีสารลูทีนและซีแซนทีน ที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต้อกระจกและจุดรับภาพเสื่อม
- ป้องกันหวัด : อะโวคาโดมีวิตามินซีเยอะที่สามารถช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรง ไม่เจ็บป่วยเล็กๆน้อยๆง่ายๆ และยังลดอาการเลือดออกตามไรฟัน
- บำรุงผิพรรณและเส้นผม : อะโวคาโดมีสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสารที่ช่วยปกป้องเซลล์ต่างๆในร่างกายให้สมดุลและไม่ถูกทำลาย นอกจากจะบำรุงความชุ่มชื้นของพิวพรรณและเส้นผมแล้ว ยังช่วยลดเลือนริ้วรอยของผิวและยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดเซล์มะเร็งได้อีกด้วย
ถึงแม้การกินอะโวคาโดจะดีต่อสุขภาพ เนื่องจากจะเพิ่มไขมันดีและลดไขมันไม่ดีออกจากหลอดเลือดได้ แต่ในขณะเดียวกัน หากทานอะโวคาโดมากเกินไป ก็จะเป็นผลเสียต่อร่างกายได้เช่นเดียวกัน เนื่องจาก มีคำแนะนำจากนักวิขัยและนักโภชนาการด้านอาหารฟังก์ชั่น (Funtional medicine dietitan) จากรัฐโอไฮโอ สหรัฐอเมริกา ได้ให้คำแนะนำว่า เพราะอะโวคาโดเป็นผลไม้ที่มีแคลอรีสูง และร่างกายของคนก็ยังต้องรับไขันดีจากแหล่งอื่นๆเช่น ถั่ว ธัญพืช เป็นต้น เพราะฉะนั้น ต่อ 1 วัน ควรกินอะโวคาโดวันละ 100 กรัม หรือประมาณครึ่งผลก็เพียงพอแล้ว
วิธีเลือก วิธีเก็บรักษา
สำหรับการนำมาประกอบอาหารหรือนำมากิน อะโวคาโดก็ต้องมีการเลือกให้เหมาะสม โดยวิธีการดูว่าอะโวคาโดพร้อมกินรึยังนั้นคือ ‘ดูจากสี’ หากเป็นสีเขียว และลักษณะแข็ง แสดงว่ายังไม่สุก และยังไม่พร้อมกิน อาจทำให้มีรสขมและปวดหัวได้ หากกินเข้าไป แต่ถ้าอะโวคโดเปลี่ยนเป็นสีเข้ม ออกน้ำตาลม่วงดำเข้ม และมีลักษณะนิ่มๆ ใช้นิ้วกดได้ แสดงว่าพร้อมกิน สามารถปอกทำเมนูอร่อยๆได้เลย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็จะขึ้นอยู่กับพันธุ์ของอะโวคาโดด้วย เพราะแต่ละพันธุ์มีสีของเปลือกที่ต่างกันออกไป
เมื่ออะโวคาโดที่ปอกแล้วโดนอากาศ อาจทำให้สีของเนื้อเปลี่ยนสีเป็นสีดำหรือน้ำตาลที่ดูไม่น่ากิน เนื่องจาก เนื้อของผลไม้ที่เกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่น คือการที่สารฟินอลที่อยู่ในผลอะโวคาโด มีปฏิกิริยากับอากาศ จนกลายเป็นสารควิโนน ที่เมื่อจับตัวกัน จึงเกิดเป็นเม็ดสีอย่างเมลานิน ที่ทำให้เกิดสีเข้มดูไม่น่าทานนั่นเอง
ในส่วนของการเก็บรักษาให้อะโวคาโดดิบ สด อยู่ได้นาน ให้นำไปห่อด้วยกระดาษทิชชู่และแช่ไว้ในตู้เย็น สามารถอยู่ได้ถึง 7-10 วัน แต่สำหรับอะโวคาโดที่ปอกแล้วทานไม่หมด สามารถเก็บรักษาได้โดยการทาน้ำมันมะกอกบางๆ หรือจะนำน้ำมะนาวทาบางๆให้ทั่ว และใส่กล่องไม่ให้โดนอากาศ และแช่เย็นไว้ สามารถอยู่ได้ถึง 3-5 วัน โดยเนื้ออะโวคาโดจะไม่เหี่ยวเน่าหรืเปลี่ยนเป็นสีดำ ส่วนอะโวคาโดที่หั่นแล้ว สามารถเก็บใส่ถุง แล้วแช่ในช่องฟรีซ สามารถเก็บไว้กินได้นานหลายเดือน หรือจะนำไปปั่นทำเครื่องดื่มเมนูอร่อยๆ ก็สดชื่น และยังคงประโยชน์วิตามินต่างๆไว้หมือนเดิม
สำหรับการทำอาหารด้วยอะโวคาโด ตามบ้านเกิดต้นตำรับอย่างเม็กซิกัน ชาวเม็กซิกันจะนิยมใช้เนื้ออะโวคาโดแทนเนย และนำมาเป็นส่วนผสมหลักในซอสกัวคาโมเล (Guacamole) ที่ทานคู่กับนาโช (Nachos) เป็นของว่างสุดอร่อย นิยมนำมาทาบนแผ่นแป้งทอร์ทิลล่าส์หรือขนมปัง และนอกจากนี้ ยังมีการนำไปประยุกต์ใช้อีกหลากหลายเมนูตามภูมิประเทศต่างๆเช่น สลัดอะโวคาโด อะโวคาโดโทส อะโวคาโดซูชิ และอีกหลากหลายเมนู หรือจะ ทานคู่กับอาหารอื่นๆ ก็เสริมรสชาติได้ดี
จบกันไปกับสาระน่ารู้ของอะโวคาโด อาหารสุขภาพ ที่สายสุขภาพต้องปลื้ม บอกได้เลยว่า นอกจากในปัจจุบันอะโวคาโดจะได้รับความนิยมอย่างมากแล้ว ตามร้านอาหารต่างๆก็เริ่มมีการนำเอาอะโวคาโด มาเป็นวัตถุดิบหนึ่งในการประกอบอาหารหลากหลายเมนูอีกด้วย หากใครไม่เคยลิ้มลอง ต้องรีบไปหาซื้อมาทำเมนูสุขภาพกันแล้วล่ะ เดี๋ยวตกเทรนด์ และเรียกได้ว่า รับประโยชน์เต็มๆแน่นอน!
สามารถติดตามโปรโมชั่น ที่ไม่ควรพลาดได้ที่ Facebook : Hungry Hub แอปจองมื้อพิเศษอันดับ 1 ของไทย
อ่านบทความอื่นๆที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ที่นี่