ช็อกโกแลต เชื่อเลยว่าเป็นขนม และ ของชอบของใครหลายๆ คน ที่แสนอร่อย ผู้คนมักจะนึกถึงกัน แล้วทุกคนรู้ไหมว่า กว่าจะมาเป็นช็อกโกแลตให้ทุกคนได้กิน มันทำมาจากอะไร เอาไปทำอะไรได้บ้าง และ มีประโยชน์อย่างไรบ้าง วันนี้ Hungry Hub จะพาไปทำความรู้จักกับบทความ ช็อกโกแลต ขนมสุดโปรด แสนอร่อยของใครหลายๆคน ไปดูกันเลย
ช็อกโกแลต ทำมาจากอะไร ?

ช็อกโกแลต คือ ผลิตภัณฑ์อาหาร ทำจากการหมัก คั่ว และบดอย่างละเอียดของเมล็ดโกโก้ นอกจากทำเป็นช็อกโกแลตได้แล้ว ยังสามารถทำเป็น เครื่องดื่มได้ด้วย เช่น ช็อกโกแลตร้อน เครื่องดื่มช็อกโกแลตนั้น ได้ถูกคิดค้นขึ้น โดยชาวอัซเตก (Aztecs) แต่ในปัจจุบันได้แพร่กระจาย และปลูกไปทั่วเขตร้อน เมล็ดของต้นโกโก้นั้นมีรสฝาดที่เข้มข้นมาก ผลผลิตของเมล็ดโกโก้รู้จักกันในนาม “ช็อกโกแลต” หรือบางส่วนของโลกในนาม “โกโก้”
ประวัติของช็อกโกแลต

ช็อกโกแลตถูกค้นพบมาตั้งแต่สองพันปีที่แล้ว หลังสมัยพระนางคลีโอพัตราแห่งอียิปต์ เป็นผลผลิตที่ได้จากเมล็ดของต้นคาเคา (cacao) ในป่าร้อนชื้นของทวีปอเมริกา จัดอยู่ในตระกูล Theobroma cacao แปลว่า “อาหารแห่งทวยเทพ” ชนกลุ่มแรกที่รู้จักทำช็อกโกแลตเป็นอารยธรรมโบราณที่อยู่ในเม็กซิโก และอเมริกากลาง ชนกลุ่มนี้ได้แก่ชาวมายาและชาวแอซเทคแห่งอารยธรรมเมโสอเมริกาคนเหล่านี้เอาเมล็ดคาเคามาบดแล้วผสมกับเครื่องปรุงหลายชนิดเพื่อทำเป็นเครื่องดื่มที่มีรสขมเฝื่อนนอกจากใช้ประกอบอาหารแล้วช็อกโกแลตยังเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตเชิงศาสนาและสังคมด้วย
ชาวมายา (ค.ศ.250-900) เป็นชนชาติแรกที่มีหลักฐานชัดเจนว่าได้ค้นพบความลับของต้นคาเคา โดยพวกเขาได้นำต้นคาเคามาจากป่าฝนและปลูกไว้ที่สวนหลังบ้าน พอออกฝักก็เก็บเอาเมล็ดมาหมักบ้าง คั่วบ้าง และยังบดเป็นเนื้อเหนียว อยากชงเป็นเครื่องดื่มก็เอามาผสมน้ำ โรยพริกไท แป้งข้าวโพด ก็จะได้เครื่องดื่มช็อกโกแลตรสซาบซ่ามีฟองฟ่อง

ต่อมาราวคริสต์ศตวรรษที่ 14 อาณาจักรของชาวแอซเทคครอบครองพื้นที่ส่วนใหญ่ของอารยธรรมเมโสอเมริกา โดยมีเมืองหลวงตั้งอยู่ที่เมืองปัจจุบันเรียกว่า เม็กซิโกซิตี้ ชาวแอซเทคได้ซื้อขายเมล็ดคาเคากับชาวมายาและชนชาติอื่น และยังเรียกเก็บค่าบรรณาการจากพลเมืองของตนและเชลยเป็นเมล็ดคาเคา โดยใช้แทนค่าเงิน ชาวแอซเทคนิยมดื่มช็อกโกแลตขมเช่นเดียวกับชาวมายายุคแรก โดยปรุงรสชาติให้ซู่ซ่าขึ้นด้วยเครื่องเทศ ชาวเมโสอเมริกาสมัยนั้นยังไม่มีใครปลูกอ้อยก็เลยไม่มีใครใส่น้ำตาลกัน
เล่ากันว่า คนมายายุคคลาสสิกชอบดื่มช็อกโกแลตกันในวาระพิเศษ ขณะที่บรรดาเชื้อพระวงศ์จะนิยมดื่มกันมาก ส่วนชาวแอซเทค บรรดาผู้ปกครองระดับสูง พระ ทหารยศสูง และพ่อค้าที่มีหน้ามีตาเท่านั้นที่มีสิทธิลิ้มรสเครื่องดื่มศักดิ์สิทธิ์นี้ ช็อกโกแลตมีบทบาทสำคัญในพิธีของราชวงศ์และศาสนา พระใช้เมล็ดคาเคาเป็นเครื่องสักการะเทพเจ้า และดื่มในพิธีสำคัญ
สำหรับที่มาของชื่อช็อกโกแลตนั้นยังไม่มีใครอธิบายได้แจ่มชัด แต่มีความเป็นไปได้สองทาง ทางแรกเป็นคำที่ผันมาจากคำว่า “ช็อคโกลัจ” ในภาษามายา ซึ่งหมายถึง มาดื่มช็อกโกแลตด้วยกัน อีกทางหนึ่งอธิบายว่าน่าจะมาจากภาษามายาเช่นกัน คือ ” chocol” แปลว่า ร้อน ผสมกับคำว่า “atl” ของแอซเทคที่แปลว่า น้ำ พอมารวมกันจึงกลายเป็นคำว่า chocolatl และมาเป็น chocolate
ช็อกโกแลต และ โกโก้ สามารถนำไปทำอะไรได้บ้าง

ช็อกโกแลตที่ได้มาจากเมล็ดโกโก้นั้น สามารถนำไปแปรรูป ทำเป็นอาหาร ของหวาน เครื่องดื่มได้หลากหลาย ยกตัวอย่าง เช่น นามะช็อกโกแลต ทาร์ตช็อกโกแลต เค้กช็อกโกแลต เค้กช็อกโกแลตหน้านิ่ม ช็อกโกแลตลาวา ผลไม้เคลือบช็อกโกแลต บราวนี ช็อกโกแลตสมูทตี ซอสช็อกโกแลต เป็นต้น
ส่วนประกอบต่าง ๆ ของเมล็ดโกโก้ที่นำมาคั่ว เอาเปลือกหุ้มเมล็ดออก บดละเอียด บีบน้ำมันออก เนื้อโกโก้จะเกาะกันเป็น แท่ง ๆ นำมาบดให้แตกเป็นผงอีกครั้ง ใส่รวมกับแป้ง นำไปแต่งรสแต่งสีอาหาร ผลโกโก้ที่นำมาหมักแล้วแยกเมล็ดออกมา ทำความสะอาด ย่างไฟแล้วกระเทาะเปลือกออก จะได้เนื้อในเมล็ดที่นำไปใช้ได้ ในทางยาใช้น้ำต้มจากรากเป็นยาขับระดู ส่วนเนื้อในเมล็ดในรูปของผงโกโก้ใช้เป็นอาหารเสริมผสมช็อกโกแลต ส่วนน้ำมันโกโก้ใช้เป็นสารแต่งกลิ่นและรสในอาหาร ยาและเครื่องดื่มหลายชนิด
และตามเทศกาลจะเห็นได้บ่อย ผู้คนมักจะนำช็อกโกแลตมาทำให้อยู่ในรูปทรงของสัตว์ต่าง ๆ คน หรือวัตถุในจินตนาการ เพื่อร่วมในงานเฉลิมฉลองเทศกาลต่าง ๆ ทั่วโลก เช่น รูปกระต่าย รูปทรงไข่ในเทศกาลอีสเตอร์ รูปของเหรียญ หรือ ซานตาคลอสในเทศกาลคริสต์มาส และ รูปทรงหัวใจในเทศกาลวาเลนไทน์
ประโยชน์ของช็อกโกแลต

ช็อกโกแลตมีสารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และ ช่วยป้องกันโรคได้อย่างหลากหลาย เช่น
- สารคาเฟอีน (Caffeine) มีคุณสมบัติกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง ให้หัวใจสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ
- สารทิโอโบรมีน (Theobromine) ช่วยลดความดันโลหิต กระตุ้นการเต้นของหัวใจ สามารถลดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดได้
- สารฟลาโวนอยด์ (Flavonoid) ในกลุ่มโพลิฟีนอล (Polyphenol) ต่อต้านอนุมูลอิสระ เสริมความแข็งแรงของหลอดเลือดหัวใจและสมอง ช่วยลดความเสี่ยงโดยรวมของโรคหัวใจได้
นอกจากสารต่างๆ ที่ให้ประโยชน์กับหัวใจแล้ว พบว่าในช็อกโกแลตยังประกอบด้วย
- สารอะนันดาไมด์ (Anandamide มีความหมายว่า ความสุขในภาษาสันสกฤต) ทำหน้าที่ลดความเจ็บปวด ควบคุมอุณหภูมิในร่างกายและกระตุ้นให้อารมณ์ดีขึ้น
- สารแฟนิลเอทิลามีน (Phenylethylamine-PEA) ช่วยสร้างสารสื่อประสาทช่วยในการลดความเครียด ถือเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้การรับประทานช็อกโกแลตเกิดความรู้สึก ‘feel good’ อีกทั้งยังเพิ่มพลังทางเพศอีกด้วย
การกินช็อกโกแลตให้มีประโยชน์สูงสุดควรเลือกดาร์กช็อกโกแลต (Dark Chocolate) ที่ผลิตจากผลโกโก้ ซึ่งมีปริมาณของโกโก้สูง 70-85% โดยแนะนำให้ทาน 50- 100 กรัม ต่อวัน ความถี่ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อประโยชน์ในการป้องกันโรคหัวใจ
แม้ดาร์กช็อกโกแลตจะมีส่วนผสมของน้ำตาลและนมน้อยมาก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีอยู่เลย อีกทั้งแคลอรี่ในช็อกโกแลตมีปริมาณที่สูง ดังนั้นจึงควรกินช็อกโกแลตในปริมาณที่เหมาะสม ร่วมกับการออกกำลังกายและทานอาหารที่มีประโยชน์อื่นๆ ทั้งนี้อาจเลือกทานเพื่อเพิ่มพลังงานก่อนการออกกำลังกาย หรือในเวลาที่เครียด และสามารถทานได้ในโอกาสพิเศษอย่างเช่น วันวาเลนไทน์
ร้านแนะนำ
COCOA XO Bar at Red Sky 57th Floor

COCOA XO Bar at Red Sky 57th Floor บุฟเฟต์ช็อกโกแลต ที่มีถ้ำช็อกโกแล็ต เป็นซิกเนเจอร์ของที่นี่ นอกจากนี้ก็ยังมีเครื่องดื่มม็อกเทล และ ค็อกเทล ให้นั่งจิบชมวิวสวยๆ สามารถมองเห็นวิวเมืองกรุงมุมสูงแบบ 360 องศา
New : Unlimited chocolate + exclusive entrance to the Cocoa Pod
ลูกค้าสามารถเข้าทานช๊อคโกแลตในถ้ำได้ไม่จำกัดจำนวนชิ้น (จำกัดการเข้าถ้ำ ได้ 1 ครั้งต่อแพคเกจ เมื่อออกมาแล้วไม่สามารถเข้าไปภายในถ้ำได้อีก) ***ไม่อนุญาตให้เด็กต่ำกว่า 20 ปีเข้ารับบริการ
เริ่มต้น 912 บาท/ท่าน
เวลาเปิด-ปิด 17:00 – 23:00
ที่จอดรถ : มี
Pennii Popcorn Cafe

Pennii Popcorn Cafe คาเฟ่ป็อปคอร์น ป็อปคอร์นโฮมเมด จากวัตถุดิบคุณภาพดี จุดเด่นของขนมหวานที่นี่คือ ในทุกจานจะเสิร์ฟพร้อมข้าวโพดคั่วชั้นดี ที่ผลิตมาจากวัตถุดิบคุณภาพ อาทิ เนยแท้จากประเทศฝรั่งเศส วานิลลาจากเกาะมาดากัสการ์ ช็อกโกแลตจากประเทศเบลเยียม
Unlimited Popcorn and 3 Drinks
สั่งป็อบคอร์นทานได้ไม่อั้น 60 นาทีเต็ม! และเครื่องดื่ม 3 รายการต่อท่าน
เริ่มต้น 390 บาท/ท่าน
เวลาเปิด-ปิด 11:00 – 21:00
ที่จอดรถ : มี
เป็นอย่างไรบ้างกับบทความ ช็อกโกแลต ขนมสุดโปรด แสนอร่อยของใครหลายๆคน ที่ Hungry Hub นำมาบอกในครั้งนี้ นอกจากได้สาระน่ารู้ของ ช็อกโกแลต แล้ว ทุกคนจะต้องรู้สึกอยากกินช็อกโกแลตเลยใช่ไหมละ ไหนใครชอบกินช็อกโกแลตบ้างก็ลองมาบอกเล่าประสบการณ์การกินช็อกโกแลต ของเพื่อน ๆ กันหน่อย
สามารถติดตามโปรโมชั่น ที่ไม่ควรพลาดได้ที่ Facebook : Hungry Hub แอปจองมื้อพิเศษอันดับ 1 ของไทย
อ้างอิง : Samitivejhospitals, ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี