ใครชื่นชอบฟังดนตรีแจ๊วเป็นชีวิตจิตใจ แล้วอยากจะหาร้านหรูๆ สักที่ บอกได้เลว่าไม่ต้องไปไหนไกล เพราะวันนี้ Hungry Hub จะพาทุกคนไป The Living Room เลานจ์บาร์สุดหรู ที่ให้ฟิลเหมือนได้ฟังดนตรีแจ๊สสดๆ ในโรงดนตรี ที่สำคัญตกแต่งสวย มี Afternoon Tea ตรงตามธีม งั้นไม่รอช้า ไปดูกันดีกว่าว่าจะเป็นอย่างไรกันบ้าง?

The Living Room ตั้งอยู่ที่ชั้น 1 ของโรงแรม Sheraton Grand Sukhumvit เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 9 โมงเช้า ถึง 5 ทุ่ม โดยจะเป็นร้านแนวเลานจ์แจ๊สบาร์ที่มีการตกแต่งหรูหรา ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในโรงดนตรี
ตัวร้านนั้นจะแบ่งออกเป็น 2 โซน สามารถรองรับลูกค้าที่มาทานอาหารได้สูงสุดถึง 80 ท่าน โดยจุดแรกอย่าง Venue หลัก นั้น จะมีลักษณะคล้ายกับห้องโถงใหญ่ ปูพื้นด้วยพรมที่มีลวดลายโค้งมน ส่วนที่นั่งของแต่ละโต๊ะนั้น จะมีเก้าอี้ที่เป็นเบาะนุ่ม โซฟา และมีแจกันวางไว้อย่างเรียบร้อย เหมาะสำหรับการมาแบบกลุ่มเพื่อน ครอบครัว หรือมากับคนรู้ใจ

บนเวทีนั้น ก็จะมีเครื่องดนตรีต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นไวโอลิน กลอง ไมค์ และเชลโล ที่จะมีนักดนตรีมาแสดงบทเพลงแจ๊สแบบสด ๆ ในยามเย็นของแต่ละวัน ไม่ว่าจะเป็นแบบโซโล่ ทรีโอ หรือมาแบบครบวง โดยส่วนมากจะทำการแสดงตั้งแต่ช่วงเวลา 2 ทุ่มถึง 4 ทุ่ม หรือบางวันจะเริ่มตั้งแต่ช่วงเที่ยงเป็นต้นไป ซึ่งไม่ว่าจะเป็นแขกที่มาพักผ่อน หรือมาทานอาหารที่ร้าน ก็สามารถมานั่งเพลิดเพลินกันได้
นอกจากนี้ในวันอาทิตย์ก็จะมี Sunday Jazz Brunch ที่จะมีการเสิร์ฟบรันช์แบบบุฟเฟต์ ในวันนั้นดนตรีที่มาแสดงจะมีสองช่วงเวลาคือช่วงเที่ยงถึงบ่ายสาม และช่วงดินเนอร์ตั้งแต่หกโมงเย็นถึงสามทุ่ม

อีกส่วนหนึ่งที่จะอยู่ข้าง ๆ กัน ก็จะเป็น Library Zone โซนที่ทำออกมาคล้ายกับห้องสมุด โดยจะมีการตกแต่งด้วยของประดับต่าง ๆ สไตล์เครื่องปั้นดินเผาและแกะสลัก และจะมีหนังสือต่าง ๆ ที่สามารถหยิบมาอ่านได้ตามชั้นวาง ไม่ว่าจะเป็นหนังสือนวนิยาย หนังสือเด็ก ไลฟ์สไตล์ ประวัติศาสตร์ การท่องเที่ยว และอื่น ๆ ที่ก็สามารถหยิบมานั่งอ่านได้แบบเพลินๆ

ถ้าพูดถึงดนตรีแจ๊สแล้ว ในส่วนของ Ultimate Jazz Afternoon Tea ก็มาพร้อมกับธีมพิเศษที่เข้ากับบรรยากาศของร้านได้อย่างลงตัว เพราะมีการตกแต่งด้วยชั้นวางแซกโซโฟนสุดหรูหรา และยังมีเมนูของหวานและของคาว 10 เมนู พร้อมสปาร์กลิงไวน์เติมได้ไม่อั้นตลอด 2 ชั่วโมง

เริ่มกันด้วย ลูกกวาดเคลือบช็อกโกแลต หรือ Lollipop with Chocolate Coating ที่เสิร์ฟสองรสชาติ ได้แก่ Strawberry Truffle สตรอว์เบอร์รีและทรัฟเฟิล ที่จะให้ความหวานและเปรี้ยว และ Salted Caramel คาราเมลรสเค็ม เหมาะกับการกระตุ้นต่อมรับรสชาติความหวานก่อนที่จะไปยังเมนูถัดไป

ต่อมาจะเป็น Classic Scone สโคนแบบคลาสสิกอุ่น ๆ ที่เสิร์ฟมาพร้อมกับ Clotted Cream ครีมสดสีขาวอุ่นๆ ที่มีกลิ่นหอม เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว และแยมสตรอว์เบอร์รี ที่มีรสชาติหวานและเปรี้ยว ซึ่งเวลาทานจะให้ความรู้สึกแบบเดียวกับการทานแบบดั้งเดิมที่ชาวอังกฤษนิยมทานกัน

มาถึงเมนูที่สามอย่าง Lavender White Chocolate Mousse ของหวานอันละมุนละไมที่จะพาคุณล่องลอยไปในห้วงความฝัน สัมผัสแรกคือ โค้ทติ้งสีม่วง อันงดงาม ที่ไม่เพียงแค่ให้สีสันสะดุดตา แต่ยังแฝงไว้ด้วยกลิ่นหอมอ่อนๆ และรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของ ดอกลาเวนเดอร์ และเมื่อตักเข้าปาก คุณจะได้พบกับ ไวท์ช็อกโกแลตมูส เนื้อเนียนนุ่มละมุนลิ้น ที่จะละลายในปากอย่างช้าๆ มอบความหวานหอมอย่างลงตัว

สัมผัสความสดชื่นกับเมนูที่สี่ นั้นก็คือ Green Apple Mousse ของหวานที่รังสรรค์ขึ้นให้มีรูปทรงคล้ายแอปเปิลสีเขียวสดใสราวกับหลุดออกมาจากเทพนิยาย ด้านนอกเคลือบด้วย ช็อกโกแลตกราซ เนื้อเงาวับ ชวนให้ลิ้มลอง แต่ความพิเศษที่แท้จริงอยู่ด้านใน เพราะว่าจะพบกับ มูสเนื้อเนียนนุ่ม รสชาติแอปเปิลเขียวอมเปรี้ยวอมหวาน

Honey Lemon Cheesecake ชีสเค้กแบบเย็นที่ไม่ผ่านการอบ ให้สัมผัสที่นุ่มละมุนลิ้นคล้ายมูส เมื่อได้ลิ้มลอง จะสัมผัสได้ถึงรสชาติเปรี้ยวอมหวานจากเลมอน ผสานกับความหอมหวานอ่อนๆ ของน้ำผึ้งที่ซ่อนอยู่ในทุกอณูของเนื้อชีสเค้ก แม้จะเป็นเมนูเดียวกัน แต่ทางเชฟได้รังสรรค์การตกแต่งให้แตกต่างกัน เพื่อเพิ่มความพิเศษในทุกชิ้นที่ได้สัมผัส

เปิดประสบการณ์ความอร่อยกับเมนูคาวสุดพิเศษ Iberico Ham with Compressed Melon ที่รังสรรค์มาเพื่อดึงดูดทั้งสายตาและต่อมรับรสของ เพราะว่าทางเชฟจะเสิร์ฟแฮมไอเบอร์ริโก้ชั้นดี ในแก้วดับเบิลกลาส ที่เผยให้เห็นสีสันอันน่ารับประทานของแฮมแต่ละชิ้นได้อย่างชัดเจน
เมนูนี้จับคู่ความเค็มละมุนของแฮมไอเบอร์ริโก้เข้ากับความสดชื่นของ เมล่อนสไลด์บางๆ และความหอมหวานของ แคนตาลูป ที่คัดสรรมาอย่างดี ปิดท้ายด้วยการตกแต่งอย่างพิถีพิถันด้วย มิ้นต์คอมเพรสเลมอน ที่ไม่เพียงแค่เพิ่มความสดชื่น แต่ยังช่วยตัดรสและยกระดับมิติของรสชาติให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น เป็นเมนูที่ให้ทั้งความหรูหรา ความสดชื่น และความกลมกล่อมในคำเดียว

ต่อด้วยเมนูสุดคลาสสิกอย่าง Smoked Salmon ที่เราได้รังสรรค์มาเพื่อมอบประสบการณ์ความอร่อยที่ไม่เหมือนใคร แซลมอนรมควันเนื้อนุ่มละมุนลิ้น สีส้มสดใส ถูกวางอย่างพิถีพิถันบน ขนมปังไรย์ (Rye Bread) ที่มีสีน้ำตาลอันเป็นเอกลักษณ์และเนื้อสัมผัสแน่นกำลังดี
ความพิเศษของเมนูนี้คือการผสานรสชาติเข้ากับ ฮอร์สแรดิชครีม (Horseradish Crème) ที่ให้รสชาติเผ็ดอ่อนๆ ช่วยตัดเลี่ยนและเพิ่มมิติความอร่อยได้อย่างลงตัว และปิดท้ายด้วยการเติมความหรูหราด้วย ไข่ปลาแซลมอน (Ikura) เม็ดกลมใสสีส้มสด ที่มอบรสชาติเค็มๆ มันๆ และแตกเป๊าะในปาก

สัมผัสความสดชื่นแบบสแกนดิเนเวียกับ Skagen Toast หรือที่รู้จักกันในชื่อ Swedish Shrimp Toast เมนูที่เรียบง่ายแต่เต็มเปี่ยมไปด้วยรสชาติของ เนื้อกุ้งสด ที่นำมาคลุกเคล้าปรุงรสเป็นสลัดเนื้อนุ่มฉ่ำ วางอย่างพิถีพิถันลงบน ขนมปังโทสต์ กรอบนอกนุ่มใน และเพื่อให้ได้รสสัมผัสที่ลงตัวยิ่งขึ้น นอกจากนี้ก็ได้มีการคั่นระหว่างชั้นด้วย แตงกวาสไลด์บางๆ ที่ให้ความสดชื่นและกรุบกรอบในทุกคำที่ได้ลิ้มลอง เป็นเมนูที่ให้ความรู้สึกเบา สบาย แต่ยังคงไว้ซึ่งความอร่อยอันเป็นเอกลักษณ์

ปิดท้ายด้วยเมนูสุดหรูหราที่ซ่อนอยู่ในความเรียบง่ายกับ Watercress and Egg Sandwich with Truffle Caviar แซนวิชชิ้นเล็กพอดีคำที่รังสรรค์มาอย่างพิถีพิถัน ตัวแซนวิชอัดแน่นด้วยส่วนผสมของ ไข่ ที่ปรุงรสมาอย่างกลมกล่อม ให้เนื้อสัมผัสที่นุ่มนวล พร้อมความสดชื่นจาก วอเตอร์เครส (Watercress)
และยกระดับความพิเศษเข้าไปอีกเพราะยังได้มีการประดับประดาด้านบนด้วย ทรัฟเฟิลคาเวียร์ (Truffle Caviar) เม็ดกลมสีดำแวววาว ที่ไม่เพียงแต่เพิ่มความสวยงาม แต่ยังมอบกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของทรัฟเฟิล และเนื้อสัมผัสที่แตกเป๊าะในปาก สร้างประสบการณ์ความอร่อยที่หอมละมุนและตราตรึงใจในทุกคำ
และนี้ก็คือ The Living Room เลานจ์บาร์สุดหรู ในโรงแรม Sheraton Grand Sukhumvit ที่บอกได้เลยว่านอกจากจะได้สัมผัสกับ Afternoon Tea หลากหลายธีมแล้ว ยังได้สัมผัสกับบรรยากาศแบบหรูหรา พร้อมฟังดนตรีแจ๊สแบบสดๆ ราวกับได้นั่งอยู่ในโรงดนตรี แต่ถ้าใครอยากมาสัมผัสสามารถจองได้ผ่าน Hungry Hub เริ่มต้นเพียงคนละ 963 บาทเท่านั้น
สามารถดูโปรโมชั่นและเงื่อนไขเพิ่มเติมได้ที่ – Hungry Hub แอปจองมื้อพิเศษอันดับ 1 ของไทย
อ่านบทความอื่นๆที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ที่นี่
- รีวิว Rossini’s ร้านอาหารอิตาเลียนฟิลบ้านทัศแคน ดีกรี 1 ใน 100 รางวัลชั้นนำของโลก
- Fest At Public House Sukhumvit 31 คอมฟอร์ทฟู้ด-พิซซ่าเตาฟิน ในบรรยากาศสุดอาร์ต
- The Square Novotel Siam Square บุฟเฟ่ต์กุ้งแม่น้ำเผา-ซีฟู้ดไม่อั้น พร้อมเมนูสไตล์เชฟเทเบิ้ล
- Atrium Restaurant The Landmark ที่สุดของรสชาติบุฟเฟ่ต์ระดับโลก ในบรรยากาศสไตล์ Art Deco