เมื่อเข้าเดือนมิถุนายนของทุกปี เราจะได้เห็นพื้นที่ต่างๆ ประดับประดาด้วยธงสีรุ้ง ซึ่งเดือนนั้นเรียกว่า Pride Month นับว่าเป็นช่วงเวลาที่สำคัญสำหรับชาว LGBTQ หรือ 5 กลุ่มเพศทางเลือก อาทิ Lesbian, Gay, Bisexual, Transgender และ Queer ที่จะได้แสดงความภาคภูมิใจ แต่ก่อนที่จะมาถึงจุดนี้ มีเรื่องราวความเป็นมาอย่างไร วันนี้ Hungry Hub ก็จะขอพาไปรู้จักกันในบทความนี้กัน
LGBTQ Pride Month คืออะไร?
Pride Month คือ วันแสดงออกถึงความเท่าเทียมสิทธิ์ทางเพศ ที่ ซึ่งในแต่ละประเทศก็จะมีวันและเวลาในการจัดที่แตกต่างกันออกไป แต่โดยส่วนมากก็จะจัดขึ้นภายใน 1-30 มิถุนายนของทุกปี นอกจากวันที่จะได้แสดงออกในเรื่องของความเท่าเทียมแล้ว ยังเป้นวันสำคัญอีกหนึ่งวันเพราะเป็นการรำลึกถึงวันที่เกิดความขัดแย้ง การถูกเลือกปฏิบัติของกลุ่มคนที่เป็นเพศทางเลือก ก่อนนำไปสู่การก่อจราจลใน Stonewall นิวยอร์คในวันที่ 28 มิถุนายน 1969
เหตุการณ์ Stonewall มีจุดเริ่มต้นอย่างไร?
หากเราลองย้อนเวลากลับไปเมื่อ 53 ปีที่แล้ว หรือ ช่วง 1969 เป็นช่วงที่ ความหลากหลายทางเพศยังไม่เป็นที่ยอมรับของคนในสังคม โดยการที่แต่งตัวไม่ตรงกับเพศสภาพของตัวเอง มีความรักกับเพศเดียวกัน จะถูกคนอื่นๆในสังคมมองราวกับเป็นผู้ก่อการร้าย ไร้ซึ่งการเคารพ ไร้ซึ่งตัวตน แถมถูกกดขี่สารพัดเหมือนกับคนที่มีตราบาปอยู่ในตัว แถมซ้ำร้ายมีโอกาสถูกจับกุมหากเปิดเผยตัวตนต่อสาธารณะ
ถึงแม้ว่าในช่วงเวลาที่ผ่านมาจะมีการเรียกร้องผ่านช่องทางต่างๆ (ยกเว้นอินเตอร์เน็ต เพราะในสมัยนั้นยังไม่มีอินเตอร์เน็ตให้ใช้) แต่ก็กลับถูกปัด ปิดเงียบ และไม่ให้ความสำคัญ ด้วยกฏหมายและกลไลของสังคม อีกทั้งการถูกกดขี่แบบนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงแค่นครนิวยอร์ก เพียงที่เดียวเท่านั้นแต่ยังรวมไปอีกหลายๆประเทศ แม้กระทั่งประเทศไทยด้วยเช่นเดียวกัน
จนกระทั่งอีก 3 ปีหลังจากนั้นในปี 1966 ได้มีครอบครัวกลุ่มมาเฟียที่มีอำนาจของนครนิวยอร์ก นามว่า จีโนวีส Genovese ได้ซื้อกิจการ Stonewall Inn ซึ่งเป็น ร้านอาหารกึ่งบาร์ ก่อนที่จะมีการปรับปรุงร้านใหม่จนกลายเป็น บาร์เกย์ ในปี 1967 ซึ่งได้รับความนิยมจากกลุ่มเพศทางเลือกเป็นอย่างมาก เพราะที่ Stonewall เป็นเพียงบาร์ที่เดียวในนิวยอร์ก ที่สามารถเปิดเผยตัวตนได้อย่างเต็มที่และที่สำคัญสามารถซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาดื่มได้ เพราะการกดขี่ของกฏหมายที่ทำให้ไม่ให้มีการขายเครื่องดื่มกับกลุ่มเพศทางเลือกนั้นเอง
แต่ความสุขก็เกิดขึ้นได้ไม่นาน จนกระทั่งในวันที่ 28 มิถุนายน 1969 ตำรวจได้เข้ามาบุกค้น และใช้กำลัง เมื่อุกอย่างมันมาถึงจุดแตกหัก ความอดทน และความต้องการอิสระ จึงได้มีการปะทะกัน และได้เกิดการต่อต้าน และการก่อจลาจลเกิดขึ้นยาวนานกว่า 5 วัน และยิ่งมีความรุนแรงขึ้นไปเรื่อยๆ สุดท้ายแล้วก็ทำให้ผู้คนต่างเริ่มเข้าใจในสภาพของเพศตรงข้ามมากยิ่งขึ้น
และทำให้คนที่เคยซ่อนตัวเพียงอย่างเดียวก็ต่างออกมาแสดงความเท่าเทียมมากขึ้น โดยหลังจากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น 1 ปีถัดมา ก็ได้เกิดขบวนพาเหรด จากสโตนวอลล์ไปที่เซ็นทรัลพาร์ก ซึ่งวันนั้นถูกเรียกว่า Christopher Street Liberation Day พร้อมกับคำพูดประจำขบวนว่า Say it loud, Gay is proud ก่อนที่มันจะกลายเป็นวันสำคัญที่เปลื่ยนแปลงประวัติศาสตร์ของการเรียกร้องของสังคมเพศทางเลือกไปจนถึงทุกวันนี้
จุดเริ่มต้นของเดือนแห่งความภาคภูมิใจ
หลังจากการเดินขบวนครั้งแรกในปี 1970 หลังจากนั้นอีก 30 ปี ถัดมาในปี 2000 เป็นช่วงที่ บิล คลินตัน หรือ William Jefferson Clinton กำลังดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีคนที่ 72 ของสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศให้เป็นวันแห่งความภาคภูมิใจของเกย์และเลสเบี้ยน และต่อมาในปี 2009 บารัก โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 44 ของสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศให้เป็นเดือนแห่งความภาคภูมิใจของความหลากหลายทางเพศ LGBT Pride Month ที่จะจัดขึ้นในทุกๆ เดือนมิถุนายนของทุกปี
ความหมายของสีรุ้งอยู่ในธง คืออะไร?
หลายคนอาจจะสงสัยว่า ทำไมธงที่เห็นเวลาเดินขบวน หรือ ติดไว้ตามบ้านในช่วง ถึงมีทั้งหมด 6 สี โดยสีรุ้งนี้ออกแบบโดย กิลเบิร์ต เบเคอร์ (Gilbert Baker) และได้ถูกนำมาใช้เมื่อ 25 มิถุนายน 1978 โดยกิลเบิร์ดเองนั้นเป็นนักศิลปิน และนักเคลื่อนไหวกลุ่มความหลากหลายทางเพศชาวอเมริกัน ที่มีแนวคิดที่จะสร้างธงสำหรับกลุ่มของผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ จริงๆแล้วมีความต้องการที่จะสร้างให้มี 8 สี แต่ด้วยเทคโนโลยีในการผลิตธงในช่วงนั้นมีข้อจำกัด จึงทำให้เหลือเพียงแค่ 6 สีเท่านั้น ซึ่งความของของแต่ละสีของธงก็มีดังนี้
- สีแดง มีความหมายว่า ชีวิต
- สีส้ม มีความหมายว่า การเยียวยา
- สีเหลือง มีความหมายว่า ความหวัง หรือ แสงอาทิตย์
- สีเขียว มีความหมายว่า ธรรมชาติ
- สีฟ้า มีความหมายว่า ศิลปะ
- สีม่วง มีความหมายว่า จิตวิญญาณ
เมื่อ 27 มีนาคม 2017 กิลเบิร์ต เบเคอร์ ก็ได้เสียชีวิตลงในอายุ 65 ปี ก่อนที่จะมีการระลึกถึงเข้า และได้นำธงที่เขาได้ออกแบบไปไว้ในพิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่ของนิวยอร์ก เพื่อจารึกเป็นอนุสรณ์และตัวแทนที่สำคัญของการยอมรับความหลากหลายทางเพศ ที่มีความสง่างาม และน่าจดจำ
อ่านบทความอื่นๆที่น่าสนใจเพิ่มเติม