หากคุณกำลังมองหาร้านปิ้งย่างเกาหลีแบบพรีเมียม ร้าน JUBANG 주방 พร้อมมอบประสบการณ์การทานอาหารปิ้งย่างเกาหลีสุดพรีเมียมในบรรยากาศสบายๆ เหมาะสำหรับการนั่งคุยและกินดื่มกันอย่างพอดี แถมร้านยังตั้งอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้า MRT เดินทางสะดวกอีกด้วย ส่วนใครที่อยากชวนเพื่อนมาทานอาหารที่ร้านแห่งนี้เพื่อรำลึกความหลังด้วยกัน บอกเลยว่า เป็นร้านปิ้งย่างเกาหลีที่ห้ามพลาด! เพราะ วันนี้เราจะพาคุณไปรู้จักร้านปิ้งย่างเกาหลีแห่งนี้ด้วยกัน
JUBANG 주방 สาขา บางขุนนนท์

ร้าน JUBANG 주방 เป็นร้านปิ้งย่างเกาหลีตั้งอยู่ใน ซอย จรัญสนิทวงศ์ 32 ถ. จรัญสนิทวงศ์ แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร ตัวร้านตั้งอยู่ใกล้กับ สถานีรถไฟฟ้า MRT บางขุนนนท์ ซึ่งอยู่ห่างกันแค่ 57 เมตร (ประมาณ 1 นาที) แค่เดินลงมาจากสถานนีรถไฟฟ้า MRT และ เดินต่อเข้าไปในซอย จรัญสนิทวงศ์ 32 เพียงไม่กี่นาที ก็เดินมาถึงหน้าร้านแล้ว ร้านจะอยู่ทางซ้ายมือ
สำหรับผู้ที่เดินทางมาด้วยรถยนต์ส่วนตัว ร้านมีที่จอดรถรองรับ 15-20 คัน แต่แนะนำให้เผื่อเวลาเดินทางเนื่องจากสภาพการจราจรบน ถนนจรัญสนิทวงศ์ ที่ หนาแน่น ในช่วงเวลาเร่งด่วน
ร้านเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 11:00 น. – 21:30 น. (ปิดทุกวันจันทร์) แต่วันธรรมดาบางวันในช่วงเวลา 12:00 น. และ เวลา 17:00 น. ลูกค้าจะเข้ามาทานอาหารที่ร้านเยอะเป็นพิเศษ จน ที่นั่งเต็ม และ ทางร้านอาจไม่มีที่นั่งว่างสำรองให้ รวมทั้งที่จอดเต็มด้วย โดยเฉพาะ วันเสาร์-อาทิตย์ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ดังนั้น ควรโทรสอบถามที่นั่งว่างกับทางร้าน และ นัดหมายวันเวลากับเพื่อนให้เรียบร้อยก่อนเริ่มจอง
จุดเริ่มต้นและตัวตนที่แตกต่าง

จุดเริ่มต้นของร้าน JUBANG 주방 เริ่มจาก เชฟเจ้าของร้าน คิมจอนฮี (KIM JEON HEE) ผู้ที่มีความหลงใหลในเมนูปิ้งย่างเกาหลี และ อยากมอบประสบการณ์ร้านปิ้งย่างเกาหลีแบบต้นตำรับ พร้อมกับเมนูพรีเมียมที่แตกต่างให้ทุกคนได้ลิ้มลอง เขาจึงตัดสินใจเปิดร้าน JUBANG 주방 สาขาแห่งแรกขึ้นที่ Foodie Bangna ในปี 2022 เพื่อตอบสนองความตั้งใจของเขา
ตัวเชฟเป็นคนที่ใส่ใจรายละเอียดและพิถีพิถันกับทุกขั้นตอน โดยเชฟจะเป็นคนจัดการด้วยตัวเอง ตั้งแต่การออกแบบร้าน การคัดสรรวัตถุดิบคุณภาพ การเตรียมวัตถุดิบ และ การจัดการครัว
การเลือกแบบดีไซน์ร้าน วัสดุ และเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งร้าน ทั้ง โต๊ะ เก้าอี้ และ โคมไฟล้วนถูกออกแบบและนำเข้าจากประเทศเกาหลีใต้ทั้งหมด โดยเชฟเจ้าของร้านเป็นผู้เลือกแบบและกำกับดูแลการก่อสร้างด้วยตัวเอง เพื่อให้บรรยากาศร้านออกมาดูดี ทันสมัย และ ชวนน่านั่ง ซึ่งสะท้อนถึงความเป็นคนเกาหลีของเชฟเจ้าของร้านได้เป็นอย่างดี
ไม่เว้นแต่ การคัดสรรวัตถุดิบคุณภาพระดับพรีเมียม และ การเตรียมวัตถุดิบ ก็เป็นสิ่งที่เชฟให้ความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะ เชฟใส่ใจคัดสรรเลือกแต่วัตถุดิบคุณภาพจาก ประเทศไทย และ ประเทศเกาหลี ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง และ วัตถุดิบทั้งหมดภายในร้านก็ถูกเตรียมแบบวันต่อวัน ทั้ง เนื้อสัตว์ ผักสด และ อื่นๆ เพื่อให้มั่นใจว่าลูกค้าจะได้ทานวัตถุดิบสดใหม่ทุกวัน
แต่จุดที่สร้างความแตกต่างให้กับร้านแห่งนี้ และ สะท้อนถึงตัวตนแห่งความเอาใจใส่ และ ความพิถีพิถันของเชฟได้เป็นอย่างดี นั่นก็คือ เนื้อสัตว์ นั่นเอง
การเตรียมวัตถุดิบจำพวกเนื้อสัตว์ของร้าน JUBANG 주방 ไม่เหมือนกับร้านปิ้งย่างเกาหลีทั่วไป ไม่ใช่เพราะ การคัดสรรเนื้อที่มีคุณภาพ เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่เนื้อสัตว์ทุกชิ้นถูกเตรียมอย่างพิถีพิถัน โดยผ่านกระบวนการที่เรียก Water-Aging กระบวนการนี้ เป็น การบ่มเนื้อในน้ำด้วยอุณหภูมิเย็นจัดที่ 0-5 องศาเซลเซียส เพื่อทำให้เนื้อนุ่มขึ้นและดึงรสชาติเข้มข้นของเนื้อออกมา ขณะที่ยังคงรักษาความชุ่มฉ่ำของเนื้อเอาไว้ได้ โดยเชฟจะนำเนื้อไปบ่มในน้ำเป็นเวลา 3 วัน และ นำไปพักไว้ในตู้คุมอุณหภูมิอีก 1 วัน ก่อนที่จะยกเสิร์ฟให้ลูกค้าได้ทาน เพื่อให้มั่นใจว่าเนื้อทุกชิ้นจะมีรสสัมผัสนุ่มชุ่มฉ่ำ และ รสชาติเข้มข้น

อีกทั้งทางร้านยังเลือกใช้ถ่านไม้คุณภาพสูง อย่าง ถ่านบินโจตัน (Bincho-tan) ที่ให้ความร้อนสูงแบบสม่ำเสมอ และ มีควันน้อย ถ้าใครชอบทานเมนูปิ้งย่าง แต่กลัวกลิ่นไหม้ของเนื้อย่างเหม็นติดตัว บอกเลยว่าไม่มีกลิ่นไหม้ของเนื้อย่างเหม็นติดตัวกลับมาแน่นอน
ที่สำคัญ ถ่านบินโจตัน ยังเป็นถ่านไม้ที่ไม่มีสารก่อมะเร็งอีกด้วย ผู้ทานสายรักสุขภาพสามารถทานได้อย่างสบายใจ แม้ว่าการเลือกใช้ถ่านไม้คุณภาพสูงเช่นนี้ จะดูเหมือนเป็นเพียงรายละเอียดเล็กน้อยๆ แต่ก็สะท้อนถึงความเอาใจใส่ของเซฟที่มีต่อลูกค้าเป็นอย่างมาก
การเตรียมวัตถุดิบอย่างพิถีพิถันของเชฟ และ ความเอาใจใส่ของเซฟที่มีต่อลูกค้านี้เอง ทำให้กลายเป็นจุดเด่นของร้านที่แตกต่างจากร้านปิ้งย่างเกาหลีร้านอื่นไปโดยปริยาย นอกจากนี้ ทางเชฟยังกำกับดูแลการจัดครัวด้วยตนเอง เพื่อให้ลูกค้าได้ทานอาหารคุณภาพเยี่ยม และ ได้รับการบริการที่ดีจากทางร้านอีกด้วย
สาขา บางนา สาขา บางขุนนนท์
หลังจากการเปิดร้านสาขาแรกที่ Foodie Bangna ร้าน JUBANG 주방 ก็ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ ลูกค้าชาวเกาหลี และ ลูกค้าชาวไทย ต่างแวะเวียนมาทานที่ร้านนี้กันอยู่เรื่อย ๆ จนกระทั่งปี 2024 จากความสำเร็จของร้านสาขาแรก ทำให้เชฟคิมจอนฮี ตัดสินใจเปิดร้านสาขาแห่งที่สองขึ้น เพื่อส่งมอบประสบการณ์การทานอาหารปิ้งย่างเกาหลีสุดพรีเมียมให้ทุกคนได้ลิ้มลอง ที่ ซอย จรัญสนิทวงศ์ 32 ใกล้ MRT บางขุนนนท์
ปัจจุบันร้าน JUBANG 주방 มีอยู่ด้วยกัน 2 สาขา ได้แก่ สาขาบางนา และ สาขาบางขุนนนท์
บรรยากาศร้าน

เมื่อเดินเข้ามาด้านในร้าน สาขา บางขุนนนท์ ก็จะเห็นการตกแต่งภายในร้านที่ดูเรียบง่าย แต่ก็ให้ความรู้สึกดูทันสมัย และ สบายตา ด้วย ผนังและเพดานสีดำ โคมไฟที่ส่องแสงอบอุ่น และ กระถางต้นไม้ที่กระจายอยู่ทั่วร้าน เหมาะสำหรับการนั่งทานอาหารและพูดคุยผ่อนคลายกับเพื่อนสนิททั้งช่วงกลางวันและเย็น ให้ความรู้สึกเหมือนนั่งทานร้านปิ้งย่างอยู่ในประเทศเกาหลีใต้

โซนโต๊ะที่นั่งมีพื้นที่ค่อนข้างกว้าง พร้อมโต๊ะที่นั่งอีก 15 ที่ ที่นั่งนั่งสบาย และ ไม่แออัด แต่ละโต๊ะสามารถให้คนนั่งได้ 4-6 คน เหมาะสำหรับ การชวนกลุ่มเพื่อนมานั่งทานด้ายกัน หรือ ชวนกันมาทานที่ร้านกันแค่ 2 คน ก็ได้เช่นกัน เอาล่ะ! ถึงเวลาลองทานเมนูอาหารที่ร้านแห่งนี้กัน
เมนูอาหารหลัก

ยำสาหร่ายเปรี้ยว ถั่วงอก ซักกจี้ กิมจิ (ผักกาดขาว) กิมจิ (แตงกวาดอง) ต้นหอม
ก่อนที่พวกเราจะเริ่มทานเมนูหลัก ทางร้านจะเสิร์ฟเครื่องเคียง 7 อย่าง ได้แก่ กิมจิ (ผักกาดขาว) กิมจิ (แตงกวาดอง) ต้นหอม ซักกจี้ (หอมใหญ่ กับ ไชเท้าดอง) ถั่วงอก ยำสาหร่ายเปรี้ยว และ ใบงาดอง มาให้พวกเราทานไปพลางๆก่อน เครื่องเคียงทั้งหมดนี้ เป็นเครื่องที่ทางร้านทำสดใหม่แบบวันต่อวัน แถมสามารถขอเติมได้ไม่อั้นอีกด้วย แต่วันที่พวกเราทานอาหารที่ร้าน ทางร้านเสิร์ฟเครื่องเคียงเพียง 6 อย่างเท่านั้น เนื่องจาก ใบงาดอง หมด

จากนั้น ทางร้านจะยกผักสด และ เมนูหลักมาเสิร์ฟที่โต๊ะ ตามด้วยซอสทั้ง 3 ชนิด ได้แก่ โคชูจัง (รสเผ็ด) ซัมจัง (รสหวานเค็ม) และ น้ำมันงาเกลือ-พริกไทย โดยพวกเราเริ่มทานไปทีละเมนูตามลำดับ

มาเริ่มที่เมนูแรก เนื้อใบพายวากิว (Wagyu Oyster Blade) เนื้อใบพายเกรดพรีเมียมที่ถูกนำไปแล่สไลด์บางอย่างสวยงาม และยกเสิร์ฟมาให้ผู้ทานได้ย่างทานเองกับมือ เมื่อนำเนื้อไปย่างบนเตาไฟ จนสุกกำลังได้ที่ ก็จะได้กลิ่นหอมไหม้ของเนื้อย่างที่ลอยเตะจมูกขึ้นมา ชวนให้น่ารับประทาน จากนั้น ก็ค่อยๆรับประทานเนื้อย่างเข้าไปในปาก และ สัมผัสความนุ่มของเนื้อพร้อมกับรสชาติของเนื้อใบพายวากิวที่กำลังละลายอยู่ในปาก
ถ้าหากนำเนื้อย่างนำไปห่อในผักสด และ ทานเข้าไป ก็จะรับรู้ถึงรสสัมผัสความสดกรอบของผัดสดที่ห่อหุ้มเนื้อย่างอยู่ภายใน และ รสชาติของเนื้อย่างที่กำลังเอ่อล้นออกมา ทุกครั้งที่เคี้ยว ให้ความรู้สึกเคี้ยวเพลิน
ยิ่งถ้าทานเนื้อย่างคู่กับซอสโคซูจัง ที่ผสมกับวาซาบิด้วยแล้ว ก็จะช่วยเนื้อย่างมีรสชาติความอร่อยที่เข้มข้นมากขึ้น พร้อมกับรสชาติที่เผ็ดร้อน ลิ้นชา หากคุณชื่นชอบความเผ็ดร้อน ลิ้นชา บอกเลยว่าควรต้องลอง แต่ถ้าใครไม่ชอบความเผ็ดร้อน ลิ้นชา ก็สามารถเลือกทานซอสชนิดอื่นได้เช่นกัน ถ้าคุณทานเนื้อย่างคู่กับซอส ซัมจัง ก็จะได้รับรสชาติความหวานเค็มกลมกล่อม แต่ ถ้าคุณทานเนื้อย่างคู่กับ น้ำมันงาเกลือ-พริกไทย คุณก็จะได้สัมผัสถึงรสชาติดั้งเดิมของเนื้อย่างแบบเต็มๆ

นอกจากนี้ ทางร้านยังมี ซอสสูตรเฉพาะ สำหรับให้จิ้มทานคู่กับเนื้อย่างโดยเฉพาะ ทำให้ความเข้มข้นของเนื้อย่าง ความหวานและความสดกรอบของหัวหอม บวกกับความชุ่มฉ่ำของน้ำซอสผสมผสานเข้ากันได้อย่างลงตัว และ มีรสชาติอร่อยกลมกล่อมมากยิ่งขึ้น

มาต่อกันที่เมนูที่สอง ฮังจองซัล (Hangjeong Sal) หรือ คอหมูย่าง (Pork Jowl) เนื้อคอหมูอย่างติดมันที่ถูกเลือกคัดสรรมาเป็นอย่างดี และ ถูกหั่นออกเป็นชิ้นหนาก่อนยกเสิร์ฟ เพื่อความสะดวกในการทาน แม้ว่า เนื้อคอหมูอย่างจะติดมัน แต่ก็มีความสมดุลระหว่างสัดส่วนของเนื้อกับไขมันกันอย่างพอดี

พอนำเนื้อคอหมูย่างไปอย่างบนเตาไฟ จนเนื้อหมูสุกเกรียมกำลังได้ที่ ก็นำกรรไกรไปตัดเนื้อหมูออกเป็นลูกเต๋าชิ้นเล็กๆ แล้วนำไปห่อในผักสด และ รับประทานเข้าไปในปาก ก็สัมผัสถึงความหนานุ่มที่เด้งสู้ฟันและรสชาติความชุ่มฉ่ำเนื้อคอหมูย่างที่ค่อยๆละลายอยู่ในปาก พร้อมกับความสดกรอบของผักสด

แต่ถ้าอยากได้รสสัมผัสแบบหนานุ่ม และ ความชุ่มฉ่ำของเนื้อหมูมากกว่านี้ คงต้องลองทาน ซัมยอบซัล (Samyeob Sal) หรือ หมูสามชั้น (Pork Belly) ถ้านำเนื้อหมูสามชั้นไปย่าง จนผิวเนื้อด้านนอกสุกเกรียมได้ที่ จากนั้น ก็นำเนื้อหมูสามชั้นไปตัดออกเป็นลูกเต๋าชิ้นเล็กๆ และ ค่อยรับประทานเข้าไป จะสัมผัสได้ถึงความกรอบนอกนุ่มในที่เต็มไปด้วยความชุ่มฉ่ำ ยิ่งเคี้ยว ก็ยิ่งสัมผัสรสชาติความชุ่มฉ่ำของเนื้อหมูสามชั้นที่ค่อยๆละลายออกมา

หากใครเป็นสายชอบทานเนื้อดิบ และ อยากสัมผัสรสชาติของเนื้อแบบเข้มข้น คงต้องถูกใจกับเมนูนี้ ยุคเว (Yukhoe) หรือ ยำเนื้อดิบ เป็นเมนูเนื้อดิบที่นำเนื้อวัวดิบไปคลุกเคล้ากับเครื่องเทศและงา ปรุงรสด้วยซีอิ้วเกาหลี และ น้ำส้มยุชุ เสิร์ฟพร้อมคู่กับไข่แดงดิบ และ แผ่นสาหร่าย
เมื่อลองทานเข้าไป ตัวเนื้อดิบมีกลิ่นหอมเครื่องเทศ ไร้กลิ่นคาว และ เนื้อนุ่ม ทานง่าย ถ้าทานเนื้อดิบคู่กับไข่ดิบ ก็จะเพิ่มรสชาติความเข้มข้นของเนื้อดิบให้อร่อยยิ่งขึ้น และ ถ้านำเนื้อดิบไปห่อในแผ่นสาหร่าย ก็จะช่วยให้เนื้อดิบมีรสชาติกลมกล่อมมากขึ้น แถมยังได้รสสัมผัสความบางกรอบของแผ่นสาหร่ายด้วย
เมนูอื่นๆ

ถ้าใครชอบทานเมนูดองเกาหลี ทางร้านก็มีเมนู แซลมอนดองซีอิ๊วเกาหลี ให้ทานด้วยเช่นกัน เนื้อปลาแซลมอนดิบจะถูกเสิร์ฟในซีอิ๊วดอง โรยหน้าด้วย งา กระเทียม และ พริกเขียว เมื่อลองทานเนื้อปลาแซลมอนดิบเข้าไป ก็สัมผัสถึงรสชาติความเข้มข้นของเนื้อปลาแซลม่อนที่ชุ่มฉ่ำ ถ้าทานเนื้อปลาแซลมอนดิบคู่กับแผ่นสาหร่ายด้วยแล้ว ก็จะยิ่งช่วยเพิ่มรสสัมผัสและรสชาติของเนื้อปลาแซลมอนให้มีความอร่อยกลมกล่อมมากยิ่งขึ้น

แต่ถ้าใครอยากทานเมนูทั่วไปที่ไม่ใช่เมนูแนวปิ้งย่าง เราขอแนะนำ โกชูจังบลุโกกิ (Gochujang Bulgogi) หรือ เนื้อสไลด์ผัดเผ็ด เนื้อสไลด์ที่นำไปผัดกับซอสโคชูจัง ซีอิ๊ว กระเทียม และ พริก จนคลุกเคล้าเข้ากัน เมนูนี้มีรสชาติเปรี้ยว และ เผ็ด ส่วนเนื้อสไลด์ก็มีความนุ่มละลายปาก เพียงแค่ออกเคี้ยวเล็กน้อย ถ้าทานเมนูนี้คู่กับข้าวสวยร้อนๆ จะเป็นความอร่อยที่เข้ากันอย่างลงมากๆ

เมนูซุป ทางร้านก็มีให้ทานอีกเช่นกัน ซุปเต้าหู้อ่อนทะเล (Sundubu Jigae) เป็นเมนูซุปสตูเต้าหู้ มาพร้อมกับ เนื้อหมู กุ้ง ปลาหมึก และ หอยแมลงภู่ แบบเต็มชาม ตัวซุปมีรสชาติเผ็ดชา เต้าหู้มีความอ่อนนุ่ม ส่วนเนื้อหมู กุ้ง ปลาหมึก และ หอยแมลงภู่ ก็มีให้เลือกทานได้ตามใจชอบ

ส่วนใครอยากทานแบบเรียบง่ายสุดธรรมดา เน้นพูดคุยรำลึกความหลังกับเพื่อน เราขอแนะนำเมนูนี้ รามายอนเกี๊ยว (Mandu Ramyeon) หรือ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเกาหลี นั่นเอง แต่ว่าเมนู รามายอนเกี๊ยว ของร้านนี้จะเสิร์ฟอยู่ในหม้อทองเหลือง ภายในหม้อจะอัดแน่น ไข่ และ เกี๊ยวเกาหลี
ในด้านรสชาติ ตัวซุปมีความเผ็ดเข้มข้น เส้นบะหมี่มีความเหนียวนุ่ม ไข่มีความหนานุ่มละลายในปาก และ เกี๊ยวเกาหลีก็รสชาติเข้มข้น ถ้าทานไข่คู่กับเกี๊ยวเกาหลี บอกเลยว่ารสชาติความอร่อยของทั้งสองสิ่งนี้เข้ากันได้อย่าลงตัว
วุ้นเส้นสาหร่ายทอด (Gimmari) ผัดวุ้นเส้น (Japchae)
นอกจากนี้ ทางร้านยังเมนูของทานเล่นให้เลือกทานอีกด้วย อาทิเช่น วุ้นเส้นสาหร่ายทอด (Gimmari) และ ผัดวุ้นเส้น (Japchae)
แถมทางร้านยังให้ ชาข้าวบาร์เลย์ ฟรี 1 ขวด ด้วย ตัวชาข้าวบาร์เลย์มีกลิ่นหอม และ มีรสชาติของข้าวบาร์เลย์อ่อนๆ หากได้ดื่มชาแบบแช่เย็น ก็จะช่วยแก้กระหาย ลดความเผ็ดร้อน และ เพิ่มความสดชื่นระหว่างมื้ออาหารได้เป็นอย่างดี
สรุป
ทั้งหมดนี้ คือ JUBANG 주방 สาขาบางขุนนนท์ มอบประสบการณ์ปิ้งย่างเกาหลีสุดพรีเมียมในบรรยากาศฟีลต้นตำรับ เหมือนนั่งทานที่เกาหลี ตั้งอยู่ใกล้ MRT เดินทางง่าย ไม่ว่าคุณจะมากับเพื่อนเก่าหรือเพื่อนสนิท ก็สามารถมานั่งทานอาหาร และพูดคุยรำลึกความหลังไปด้วยกันได้ที่ร้านแห่งนี้ แต่ถ้าใครอยากนั่งทานอาหาร และ พูดคุยรำลึกความหลังไปกับเพื่อนๆ ในร้านอาหารสุดพิเศษพร้อมด้วยข้อเสนอและราคาสุดพิเศษที่ไม่เหมือนใคร สามารถจองร้านอาหารเพื่อข้อเสนอและราคาสุดพิเศษเหล่านี้ได้ ที่แอป Hungry Hub เท่านั้น
สามารถติดตามโปรโมชั่น ที่ไม่ควรพลาดได้ที่ Facebook : Hungry Hub แอปจองมื้อพิเศษอันดับ 1 ของไทย
อ่านบทความอื่นๆที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ที่นี่
- ซอยจุ๊ และ ยุกเกะ ต่างกันอย่างไร ความอร่อยที่มาพร้อมสิ่งที่ต้องควรระวัง
- ศาสตร์และศิลป์ของการจับคู่รสชาติ (Food Pairing): เคล็ดลับสู่มื้ออาหารที่ลงตัว
- รีวิว Mr.Park BBQ Sukhumvit พรีเมี่ยมปิ้งย่างเกาหลีไม่อั้น จากคนเกาหลีแท้ๆ
- ตามรอย อาหารเกาหลี จากซีรีย์ดัง10เรื่องยอดฮิตที่ไม่ควรพลาด!
- 10 เมนูอาหารเกาหลี 2024 ของดีแดนกิมจิ อร่อยฟินถูกใจแน่นอน
- ของขวัญวาเลนไทน์ 2025: บอกรักแบบไม่ซ้ำใครในปีนี้
- รวม 160 คำ แคปชั่นวันวาเลนไทน์ 2025 หวานซึ้ง โดนใจคนรัก
- Kuma No Yakitori ร้านลับ Omakase ยากิโทริ ชื่อดังจากญี่ปุ่น ณ สุขุมวิท 47
- 30 ร้าน ชาบูหม่าล่า เผ็ดร้อนรับหนาว เอาใจคนรักหม่าล่า 2568!