สวัสดีค่า เราชื่อ โฟกัส เป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ สาขาภาษาไทย ปี 3 วันนี้เราจะมา รีวิวฝึกงาน Content Writer ที่ Hungry Hub แบบหมดเปลือก ตั้งแต่สมัครยังไง ฝึกงานต้องเจออะไรบ้าง บรรยากาศเป็นแบบไหน งานเครียดรึเปล่า ถ้าเพื่อน ๆ อยากรู้แล้วก็ไปดูกันเลยค่า
รีวิวฝึกงาน Content Writer ที่ Hungry Hub ทำงานที่ใช่ ในสไตล์ที่ชอบ
วิธีสมัครฝึกงานที่ Hungry Hub
ก่อนอื่นต้องบอกว่าเรารู้จัก Hungry Hub มาจากเพื่อน พอเห็นว่าเป็นบริษัทเกี่ยวกับอาหาร คนชอบกินแบบเราเลยสนใจมาสมัครฝึกงานที่นี่ วิธีการสมัครก็ง่ายมาก แค่ส่งเรซูเม่ไปที่อีเมล [email protected] แล้วรอตอบรับ ของเรารอเกือบ 2 อาทิตย์ ตอนนั้นแอบคิดว่าน่าจะไม่ได้แล้ว เพราะตอนอ่านรีวิวคนอื่นเขารอกันแค่ 2-3 วัน แต่ของเราดีตรงที่รับเลย ไม่ต้องสัมภาษณ์ แต่ถ้าใครสมัครมาแล้วต้องสัมภาษณ์ก็ไม่ต้องกังวลนะคะ พี่ ๆ ที่นี่ใจดีมากค่า
ฝึกงานต้องเตรียมอะไรไปบ้าง
สิ่งที่ต้องเตรียมไปหลัก ๆ คืออุปกรณ์ทำงานของเรา บางคนอาจจะใช้ Tablet บางคนอาจจะใช้ Notebook หรือจะเป็นอุปกรณ์อื่น ๆ ที่เราถนัดก็ได้ ในเรื่องการแต่งกาย วันแรกเราจะต้องใส่ชุดนิสิตไป (ถ้าเรายังเรียนอยู่) ส่วนวันอื่นก็สามารถใส่ชุดสุภาพอะไรก็ได้ตามสบายค่า
การเดินทาง
การเดินทางเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เราตัดสินใจมาทำงานที่นี่เลย เดินทางสะดวกมาก นั่ง BTS มาลงสถานีพระโขนง ออกทางออก 3 แล้วเดินตาม GPS มาเรื่อย ๆ ไม่ถึง 5 นาทีก็ถึงเลย
บรรยากาศการทำงาน
บรรยากาศในบริษัทจะสบาย ๆ เป็นกันเอง เข้างาน 10 โมง เลิกงาน 6 โมงเย็น เวลากินข้าวไม่ตายตัว ใครหิวตอนไหนก็ไปกินตอนนั้น วันแรกเรามาก่อนเวลาเลยยังไม่มีใครมา รอสักพักก็มีป้าแม่บ้านมาเปิดแอร์ให้ ป้าแม่บ้านน่ารักมาก ชวนคุยเก่ง ทำให้เราผ่อนคลายก่อนไปเจอพี่ ๆ วันที่เราเข้ามามีคนใหม่เข้ามาทำงานค่อนข้างเยอะ เลยต้องเข้าประชุมตั้งแต่เปิดวันแรก แอบเกร็งนิดนึง แต่พี่ ๆ ที่นี่ใจดีมาก มีความเป็นมิตรสูง ทำให้เราหายเกร็ง สิ่งที่คน introvert แบบเราชอบเป็นพิเศษ คือ พี่ ๆ จะปล่อยให้เราทำงานตามสไตล์ของตัวเอง แต่ก็สามารถมาถามพี่ ๆ ได้ตลอด ทำให้มีความเป็นส่วนตัวแล้วก็มีความเป็นกันเองด้วย
ฝึกงานตำแหน่ง Content Writer ต้องทำอะไรบ้าง
เขียนบทความ
งานแรกที่สายคอนเทนต์แบบเราได้ทำ คือ ค้นหาหัวข้อที่กำลังเป็นกระแสมาเขียนบทความ ตอนแรกก็จะเครียดนิดนึงเพราะยังจับต้นชนปลายไม่ถูก แต่พอได้ลองเขียนบทความแรกเสร็จ บทความต่อไปก็เริ่มง่ายแล้ว เพราะที่นี่จะให้อิสระในการเขียนค่อนข้างมาก เขียนเป็นสไตล์ของเราได้เลย แต่พี่เขาก็จะช่วยตรวจให้อีกที อะไรที่สามารถปรับปรุงได้ พี่เขาก็จะช่วยแนะนำความรู้ใหม่ ๆ ให้เรา เป็นงานที่สนุก ไม่เครียด แต่จะแอบยากตอนคิดหัวข้อใหม่นี่แหละ โดยเฉพาะช่วงที่บริษัทมีแคมเปญโอมากาเสะกับ Fine Dining เราก็จะต้องคิดไอเดียใหม่ ๆ เกี่ยวกับแคมเปญตลอดทั้งเดือน
ความท้าทายของงานเขียนบทความ คือ การทำให้บทความที่เราเขียนขึ้นหน้าแรกของ Google ซึ่งเราก็จะได้เรียนรู้เทคนิคการใช้ Keywords ให้คนเสิร์ชเจอบทความของเราตอนค้นหา โดยจะยึดตามหลัก SEO ที่บางคนอาจจะรู้จักอยู่แล้ว แต่ถ้าใครยังไม่รู้จัก SEO มาที่นี่ก็จะได้รู้จักแน่นอน แถมยังได้บรีฟหน้าปกบทความกับพี่กราฟิกเองด้วย
ออกกอง
งานออกกองเป็นอะไรที่สนุกมาก ยกให้เป็นงานที่ชอบที่สุดของที่นี่เลย เพราะนอกจากได้ได้ประสบการณ์การทำงานนอกสถานที่แล้ว ยังได้กินอาหารจากร้านที่ไปออกกองอีกด้วย เรามาฝึกงานประมาณ 2 เดือน ได้ออกกอง 2 ครั้ง
ร้านแรก คือ Sloth Sukiyaki เป็นร้านบุฟเฟต์ที่มีทั้งชาบู สุกี้ ซูชิ บิงซู และอื่น ๆ อีกมากมาย มาออกกองร้านนี้เราจะได้พูดคุยกับเจ้าของร้านเกี่ยวกับเมนูพิเศษ หรือข้อมูลเกี่ยวกับร้านที่เราอยากได้กลับไปเขียนบทความ ได้มาช่วยถืออาหารให้พี่ตากล้องถ่ายรูป และที่สำคัญเราจะได้อิ่มอร่อยไปกับอาหารที่วางเต็มโต๊ะหลังจากที่พี่ตากล้องถ่ายรูปเสร็จ
ร้านที่สอง คือ In the house Ari 5 บาร์ลับย่านอารีย์ บรรยากาศดี เหมาะกับการนั่งชิล ร้านนี้เป็นการออกกองครั้งสุดท้ายที่ทำให้เราตื่นเต้นมาก เพราะพึ่งเคยไปบาร์ครั้งแรกก็ตอนออกกองนี่แหละ นอกจากจะได้ช่วยพี่ตากล้องแล้ว เราก็ได้ลองชิมค็อกเทลเป็นครั้งแรกด้วย แถมยังได้ฟังดนตรีสดแบบส่วนตัว เพราะวันนั้นลูกค้าไม่เข้าร้าน เป็นประสบการณ์ที่พิเศษมาก ปล.ถ้าใครไม่กินแอลกอฮอล์ก็ไม่ต้องกังวลน้า อันนี้เราอยากลองชิมเอง ไม่ได้โดนบังคับ
เขียนข้อมูลร้านค้า
ช่วงวันท้าย ๆ เราได้งานใหม่เป็นงานเขียนข้อมูลร้านค้าเป็นภาษาไทยกับภาษาอังกฤษ งานนี้คล้าย ๆ กับการเขียนบทความเลย แต่จะต่างกันตรงความยาว และการจัดหน้า ความท้าทาย คือ ต้องเขียนเวอร์ชันภาษาอังกฤษด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่เราไม่ถนัดเลย แต่ก็ถือว่าได้ฝึกสกิลไปในตัว
ความรู้สึกที่ได้มาฝึกงานที่ Hungry Hub
รู้สึกว่าเวลาผ่านไปไวมาก พี่ ๆ ให้การต้อนรับดีมาก พาไปเลี้ยงข้าวตั้งแต่วันแรก อาหารแถวนี้ก็อร่อยทุกร้าน แถมยังมีขนมกับน้ำให้หยิบกินฟรีได้ตลอดทั้งวัน ไม่ต้องกลัวหิว นอกจากเรื่องอาหารการกินที่อุดมสมบูรณ์สุด ๆ ก็ยังได้เรียนรู้งานหลายอย่าง ถึงเราจะมาทำแค่ 2 เดือนนิด ๆ แต่ก็ได้เรียนรู้เทคนิคต่าง ๆ และได้มิตรภาพดี ๆ กลับไป เพื่อน ๆ ที่นี่น่ารักมาก และที่สำคัญพี่ที่สอนงานเราจะมีวิธีการพูดที่ไม่ทำให้เรารู้สึกแย่เวลาที่พี่เขาอยากให้เราแก้งาน ถ้าใครสนใจฝึกงานก็สมัครเข้ามาได้นะคะ ที่นี่รับเด็กฝึกงานตลอดทั้งปี แล้วก็ไม่ต้องกลัวเหงา หรือทำงานไม่ได้เลย เพราะมีพี่ ๆ คอยช่วยสอนงาน และเพื่อน ๆ เข้ามาทำงานอยู่เรื่อย ๆ เลยค่า >_<
อ่านบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ที่นี่
- รีวิวฝึกงาน Graphic Designer ที่ Hungry Hub ด้วยความรู้สึกของวันสุดท้าย
- รีวิวฝึกงาน Content Writer ที่ Hungry Hub ประสบการณ์นอกห้องเรียน ได้ผลงานเพียบ!
- รีวิวฝึกงาน UX/UI Designer ที่ Hungry Hub เป็นเวลา 4 โล!! เอ้ย 4 เดือน!!
- รีวิวฝึกงาน Content Marketing ที่ Hungry Hub ประสบการณ์ดีๆ ที่หาได้จากที่นี่!!
- รีวิว ฝึกงาน Content Writer ที่ Hungry Hub เด็กฝึกงานทำอะไรบ้าง?