ไปลาดพร้าวกินอะไรดี? เอาใจชาวลาดพร้าวกันสักหน่อย วันนี้เราจะพาไปแนะนำ 20 ร้านอาหาร เซ็นทรัลลาดพร้าว ซึ่งแน่นอนว่าลาดพร้าวเป็นถิ่นที่มีผู้คนสัญจรไปมา แถมยังสามารถเดินทางได้สะดวกไม่ว่าจะเป้นรถไฟฟ้า BTS หรือ MRT นอกจากนี้ภายในห้างสรรพสินค้า ก็ยังเต็มไปด้วยร้านต่างๆมากมาย ให้ได้แวะไปเดินเล่นกันยามเย็น หรือ ช่วงวันหยุด จะมีร้านไหนที่น่าสนใจกันบ้าง ตามมาเช็คลิสท์พร้อมๆกันได้เลยจ้า
20 ร้านอาหาร เซ็นทรัลลาดพร้าว ที่ไม่ควรพลาด
1. Audrey Cafe

ออเดรย์ คาเฟ่ ร้านอาหารฟิวชั่นที่หลายๆคนต้องคุ้นเคยกันอยู่แล้ว ด้วยบรรยากาศที่มีความวินเทจ ผสมกับความเป็นฝรั่งเศสนิดๆ นอกจากนี้ในเรื่องของเมนูก็ยังมีความหลากหลาย ถูกใจหลายๆคนอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็น ซุปครีมเห็ด เบบี้ทาโก้สไตล์เม็กซิกัน หมูชาบูผัดซอสเกาหลี หรือ สเต็กเนื้อนิวซีแลนด์ริบอายซอสพริกไทยดำ นอกจากนี้ก็ยังมีให้เลือกทั้งแบบเซ็ต และแบบบุฟเฟต์อีกด้วยนะ
- พิกัด : ชั้น 4
- เวลาเปิด-ปิด : 10 โมง – 4 ทุ่ม
- แพ็กเกจแนะนำ : Unlimited Menu (Mon-Fri) กุ้งทอดออเดรย์, ไก่ทอดซอสมะนาว, ขาหมูเยอรมันหั่นเต๋าทอดสูตรต้นตำรับ และอีกมากมาย กว่า 250 เมนูไม่อั้น เพียง 715 บาท
2. แหลมเจริญซีฟู้ด

ถ้าพูดถึงปลากะพง ก็ต้องพูดถึง แหลมเจริญซีฟู้ด ร้านอาหารไทย และร้านอาหารทะเล ที่มีชื่อเสียงมาอย่างยาวนาน และที่สำคัญยังเป็นที่ถูกอกถูกใจของคุณพ่อ คุณแม่หลายๆท่าน โดยเป็นร้านที่เหมาะสำหรับการมาแบบครอบครัว เพราะมีเมนูอาหารไทย ที่มีรสชาติคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี อาทิ ปลากะพงทอดราดน้ำปลา กุ้งสดลวกจิ้ม ห่อหมกปลาอินทรีย์ ปูนิ่มผัดผงกะหรี่ เป็นต้น
- พิกัด : ชั้น 4
- เวลาเปิด-ปิด : 11 โมง – 3 ทุ่ม
- แพ็กเกจแนะนำ : All You Can Eat with Premium Menus (จองล่วงหน้า 2 ชั่วโมง) บุฟเฟต์อาหารและเครื่องดื่มไม่อั้น 2 ชั่วโมง! เช่น ปลากะพงแกงเหลือง, ปลากะพงลวกจิ้ม, ปูนิ่มผัดผงกะหรี่ และรายการเครื่องดื่มอื่นๆอีกมากมาย เพียง 999 บาท
3. Blue Sky Rooftop Bar Centara Grand

อยากพาคนรู้ใจออกไปดินเนอร์? ก็ต้องขอแนะนำ บลูสกาย รูฟท็อปบาร์ แอนด์ ไดนิ่ง รูฟท็อปสุดหรู ชั้น 24 ณ โรงแรม เซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว ซึ่งไม่ไกลจากตัวห้างเลย โดยภายในร้านมาพร้อมกับที่นั่งหลากหลายสไตล์ทั้งที่นั่งโซนด้านใน หรือ โซนด้านนอกที่เน้นธีมแบบเรียบหรู มีระดับ พร้อมกับเมนูสไตล์ฝรั่งเศส ที่มีความพรีเมี่ยม โดนใจสายหรู อาทิ เนื้อวัวดําออสเตรเลียส่วนท้อง สเต็กเนื้อวากิวออสเตรเลียส่วนสะโพก ซุปกุ้งล็อบสเตอร์ และเครื่องดื่มหลากหลายรสชาติ ที่รอให้คุณได้แวะไปลิ้มลอง
- พิกัด : ชั้น 24 โรงแรม เซ็นทารา แกรนด์ ลาดพร้าว (เซ็นทรัล ลาดพร้าว)
- เวลาเปิด-ปิด : 5 โมง – 5 ทุ่ม
- แพ็กเกจแนะนำ : 3 Dishes w/ 1 Soft Drink เลือกอาหารได้ 3 อย่างเช่น เนื้อวัวสดทาร์ทาร์, ซุปกุ้งล็อบสเตอร์ พร้อมเครื่องดื่มท่านละ 1 อย่าง เพียง 990 บาท
4. Hagi Centara Grand at Central Plaza Ladprao Bangkok

ใครที่อยากไปสัมผัสกับรสชาติอาหารญี่ปุ่นแบบต้นตำรับ ก็ต้องขอแนะนำที่ห้องอาหารฮากิ หนึ่งในห้องอาหารญี่ปุ่นยอดฮิตจากเซ็นทาราแกรนด์ลาดพร้าว ด้วยจุดเด่นของเมนูอาหารญี่ปุ่นที่มีให้เลือกกว่า 100 เมนู อาทิ ซาชิมิ ซูชิ เทปันยากิ รวมไปถึงอาหารทะเล อาหารกล่อง ข้าวห่อสาหร่าย สุกี้ยากี้ และสลัดเป็นต้น
- พิกัด : ชั้นลอย (M Fl.) ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ฯ เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว
- เวลาเปิด-ปิด : 11 โมง – 4 ทุ่ม
- แพ็กเกจแนะนำ : All You Can Eat with Green Tea (90mins) บุฟเฟ่ต์อาหารญี่ปุ่น พร้อมเครื่องดื่มรีฟิลและอื่นๆอีกมากมาย เพียง 999.-
5. Dynasty Centara Grand Central Ladprao

ยังอยู่กันที่ เซ็นทารา แกรนด์ เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว แต่คราวนี้จะพาไปลิ้มลองกับอาหารจีนสูตรกวางตุ้งแบบต้นตำรับ และอาหารชาววัง ที่ ไดนาสตี้ ซึ่งเป็นร้านอาหารทางเลือกที่ดีสำหรับการมาทานอาหารร่วมกับครอบครัว ด้วยบรรยากาศที่เต็มไปด้วยไม้ดทนสีเข้ม พร้อมกับลิ้มลองเมนูอาหารจีน รวมไปถึงติ๋มซำแบบโฮมสไตล์ อาทิ เต้าหู้ทอดพริกเกลือ หางหมูพริกไทยดำ ปวยเล้ง ราดเนื้อปู ไก่แช่เหล้า และเมนูอื่นๆอีกมากมาย ที่สามารถทานได้แบบไม่อั้น
- พิกัด : ชั้น 24 โรงแรม เซ็นทารา แกรนด์ ลาดพร้าว (เซ็นทรัล ลาดพร้าว)
- เวลาเปิด-ปิด : 11 โมง – 4 ทุ่ม
- แพ็กเกจแนะนำ : All You Can Eat with Free Flow Tea บุฟเฟ่ต์ติ่มซำทานได้ไม่ได้อั้น 2 ชั่วโมงเต็ม! ลูกค้าที่จองผ่าน HH รับเมนูพิเศษเพิ่มท่านละ 1 รายการ เพียง 1,090 บาท
6. ร้านอาหารบ้านไอซ์

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบในรสชาติของอาหารใต้ ก็ต้องแนะนำ ร้านอาหารบ้านไอซ์ ร้านอาหารใต้ระดับชั้นครู จากนครศรีธรรมราช โดยมีจุดเด่นในเรื่องของเมนูที่มีความพิถีพิถัน พร้อมกับสูตรลับเฉพาะจากสูตรดั้งเดิมของคุณย่า ไม่ว่าจะเป็น ขนมจีนคุณย่า ข้าวยำคุณปู่ แกงเหลืองหน่อไม้ปลาสำลี เป็นต้น
- พิกัด : ชั้น 4
- เวลาเปิด-ปิด : 11 โมง – 4 ทุ่ม
7. โชนัน (ChouNan)

ใครชอบทานเนื้อ อยากทานข้าวหน้าเนื้อแบบจัดเต็มต้องขอแนะนำ โชนัน ร้านข้าวหน้าเนื้อที่เน้นเนื้อแบบเต็มๆ แต่ราคาสบายกระเป๋า โดยบอกก่อนเลยว่าร้านนี้เหมาะสำหรับทุกคนจริงๆ ด้วยเมนูข้าวหน้าเนื้อที่มีความหลากหลาย เน้นความคุ้มค่า อาทิ ข้าวหน้าหมูย่างมิโซะ ข้าวหน้าเนื้อสับเทอริยากิ เป็นต้น
- พิกัด : ชั้น G
- เวลาเปิด-ปิด : 10 โมง – 4 ทุ่ม
8. คำพูน Kumpoon

เอาใจคนรักอาหารอีสาน อาหารไทย กับร้านอาหารที่พกความแซ่บเต็มพิกัด ที่คำพูน ที่เป็นการยกระดับจากร้านอาหารอีสานธรรมดาๆ ให้มีความหรูหรามากยิ่งขึ้นตั้งแต่การตกแต่งร้านไปจนถึงเมนูที่มีให้เลือกหลากหลาย อาทิ ตำเวียงจันทน์ เมนูขึ้นชื่อของร้าน ต้มแซ่บซี่โครงอ่อน เกาเหลาทะเลรวม โจ้งโจ้ง หรือ ข้าวผัดน้ำพริกปลาทูทรงเครื่อง เป็นต้น
- พิกัด : ชั้น 1
- เวลาเปิด-ปิด : 10 โมง – 3 ทุ่ม
9. Yakiniku Like

ใครสายปิ้งย่าง ต้องเลิฟแน่นอน กับร้านยากินิกุ ที่หลายๆคนต่างติดใจ ที่ Yakiniku Like ซึ่งเป็นร้านยากินุกุที่มีต้นตำรับมากจากประเทศญี่ปุ่น โดยเป็นร้านที่หลากหลายมากๆ จะมาคนเดียว หรือมากับเพื่อนก็เลิศสุดๆ นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับเซ็ตเมนูต่างๆ ที่จัดเต็มหลากหลายไซส์ จะเล็ก กลาง หรือ ใหญ่ ก็พร้อมลุย
- พิกัด : ชั้น 1
- เวลาเปิด-ปิด : 10 โมง – 3 ทุ่ม
10. Thai Thai Boat Noodles

ใครว่าก๋วยเตี๋ยวเรือตอนนี้หาทานในห้างไม่ได้แล้ว? แต่ที่นี่มีให้เลือกแบบจัดเต็มอย่างแน่นอน ที่ ไทย ไทย ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือสูตรเข้มข้น ภายใต้เครือ YUZU ที่มาพร้อมกับเมนูมากมาย อาทิ ก๋วยเตี๋ยวเรือหม่าล่าต้มยำ เนื้ออากิตะวากิว A5 เอ็นข้อไก่ทอด เกี้ยวทอดต้มยำ หอยนางรมสด ตำไทยไข่เค็ม
- พิกัด : ชั้น 3
- เวลาเปิด-ปิด : 11 โมง – 4 ทุ่ม
11. Sushi Seki

เอาใจทาสปลาแซลมอน กับร้านอาหารญี่ปุ่น ที่มีซิกเนเจอร์อย่างน้องหมีสุดน่ารักประดับไว้ที่หน้าร้าน อย่าง ซุชิเซกิ จุดเด่นของร้านนี้คือการนำปลาแซลมอนแบบสดๆ นำเข้าแบบวันต่อวัน จึงมั่นใจได้เลยว่าทุกเมนูมีแต่ความสดใหม่อย่างแน่นอน พร้อมกับเมนูสูตรลับเฉพาะมากมาย อาทิ แซลมอนมินิด้ง เซกิซาชิมิเซ็ต (ชูโทโร่ อากามิ) หรือเมนูโอมากาเสะ เป็นต้น
- พิกัด : ชั้น 4
- เวลาเปิด-ปิด : 11 โมง – 4 ทุ่ม
12. Boon Tong Kee

บุญตงกี่ ร้านอาหารจีนเจ้าดังจากสิงคโปร์ เป็นร้านอาหารที่เหมาะสำหรับการมาทานแบบครอบครัว ด้วยจุดเด่นของเมนูที่ยังความต้นตำรับเอาไว้อย่างดี เหมือนกับนั่งทานอยู่สาขาสิงคโปร์ นอกจากนี้ก็ยังมีเมนูเด่นๆ อีกมากมาย อาทิ ซี่โครงหมูซอสบาร์บีคิว ซุปกระเพาะปลาเนื้อปู ไก่ต้นตำหรับบุญตงกี่ และเมนูอื่นๆ อีกมากมาย
- พิกัด : ชั้น G
- เวลาเปิด-ปิด : 10 โมง – 2 ทุ่ม
13. Kam's Roast

หนึ่งร้านอาหารจีน ที่เคยคว้ารางวัลมิชลินสตาร์ 1 ดาว อย่าง Kam’s Roast ซึ่งในสาขาเซ็นทรัล ลาดพร้าว ก็เป้นหนึ่งในสาขาแบบ Pop Up พร้อมกับคงเอกลักษณ์ตามแบบฉบับสตรีทฟู้ดเหมือนกับที่เราเห็นกันอยู่บ่อยๆ โดยจุดเด่นของร้านนี้มีเมนูห่านย่าง-หมูแดง สูตรเด็ด ที่มีให้เลือกหลากหลาย อาทิ ไก่นึ่งสไตล์ฮ่องกง เป็ดย่างซึ่งเป้นเมนูหลักของทางร้าน หรือหมูกรอบ เป็นต้น ใครที่หลงรักในอาหารจีนต้องไม่ควรพลาด
- พิกัด : ชั้น 4
- เวลาเปิด-ปิด : 11 โมง – 4 ทุ่ม
14. Din Tai Fung

อีกหนึ่งในร้านอาหารจีนที่ได้รับความนิยมในใต้หวัน กับ ดิ่น ไท่ ฟัง ซึ่งเป็นร้านอาหารจีนที่อยู่มาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 1958 โดยในปัจจุบันก็ได้เปิดหลากหลายสาขาทั่วประเทสไทย พร้อมกับเมนูอาหารจีนที่มีความหลากหลายเหมาะสำหรับทุกคนในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็น เมนูขนมจีบ ข้าวผัด ซาลาเปา ซุป และเมนูอื่นๆอีกมากมาย
- พิกัด : ชั้น 1
- เวลาเปิด-ปิด : 11 โมง – 3 ทุ่ม
15. Kub Kao' Kub Pla

ถ้าพูดถึงในร้านอาหารในเครือ Iberry Group หนึ่งในนั้นก็ไม่มีใครไม่รู้จักชื่อร้านอาหารไทยที่พกมาด้วยรสชาติสุดเข้มข้น อย่าง กับข้าว กับปลาอย่างแน่นอน ซึ่งจุดเด่นของร้านนี้คือการเลือกใช้เมนูที่มาพร้อมกับสไตล์การทำแบบ Homemade จากสูตรลับเฉพาะของคุณปลา ที่ได้มีการเก็บสะสมประสบการณ์มาอย่างยาวนาน ซึ่งก็มีเมนูที่ชวนให้ลิ้มลองมากมาย อาทิ น้ำตกแซลมอนรมควัน ขาหมูคาราเมล ฮ่อยจ๊อปูทอดกรอบ แกงปูใบชะพลู เป็นต้น
- พิกัด : ชั้น 4
- เวลาเปิด-ปิด : 10 โมง – 3 ทุ่ม
16. Momo Paradise

ใครเป็นชาบู เลิฟเวอร์ เชื่อได้เลยว่าร้านนี้ต้องเป็นหนึ่งในร้านโปรดในดวงใจอย่างแน่นอน อย่าง โมโม่ พาราไดซ์ ร้านพรีเมี่ยมชาบู และสุกี้ยากี้ จากต้นตำรับญี่ปุ่น ที่แต่คัดสรรวัตถุดิบชั้นเลิศ มาให้ได้ลิ้มลอง อาทิ เนื้อวัวออสเตรเลีย เนื้อวากิว หมูคุโรบูตะ และที่สำคัญทุกครั้งที่มาอย่าลืมสั่งของหวานมาด้วยนะ เพราะบอกก่อนเลยว่าของหวาน เป็นหนึ่งในไอเทมที่ต้องสั่งปิดท้ายก่อนกลับบ้านเลยละ
- พิกัด : ชั้น 3
- เวลาเปิด-ปิด : 10 โมง – 3 ทุ่ม
17. Nice Two Meat U

เดินผ่านไปเห็นร้านสีส้มๆ ได้กลิ่นหอมเนื้อย่าง น่าชวนให้เข้าไปสุดๆ เพราะนั้นคือร้าน ไนซ์ ทู มีท ยู ร้านอาหารเกาหลี ที่มาพร้อมกับธีมส้ม อีกหนึ่งจุดเด่นคือในเรื่องของเมนูอาหารเกาหลี ที่คงรสชาติตามแบบต้นฉบับ มีทั้งแบบอะลาคาร์ท และบุฟเฟต์อาทิ หมู เนื้อ กิมจิ แถมยังมีบริการเสิร์ฟ ย่าง และ ตัดเนื้อให้เราอีกด้วยนะ บริการดีสุดๆ
- พิกัด : ชั้น 4
- เวลาเปิด-ปิด : 10 โมง – 3 ทุ่ม
18. Ramen Ippudo

เอาใจคนรักราเมนกันบ้าง กับร้านราเมนสูตรต้นตำรับ ที่เปิดมาอย่างยาวนานตั้งแต่ 1985 จากฟุกุโอกะ อย่าง ราเมนอิปปุโดะ โดยในปัจจุบันก็มีสาขารวมๆกันกว่า 220 ทั่วโลกและยังคงเป็นร้านยอดนิยมสำหรับผุ้ที่ชื่นชอบในการทานราเมนอย่างแท้จริง โดยจุดเด่นของที่นี่คือเมนูที่มีการผสมผสานกันระหว่าง รสชาติแบบต้นตำรับ สไตล์ฮากาตะ และมีการปรับสูตรใหม่ๆ แต่ยังคงความดั้งเดิมเอาไว้ จึงเป็นอีกหนึ่งร้านถ้าหากใครชื่นชอบราเมนต้องไม่ควรพลาด
- พิกัด : ชั้น 4
- เวลาเปิด-ปิด : 10 โมง – 3 ทุ่ม
19. Fuji Restaurant

ฟูจิ เรสเตอรองท์ หนึ่งในร้านอาหารญี่ปุ่นที่เปิดมาอย่างยาวนาน พร้อมกับจุดเด่นในเรื่องของวัตถุดิบที่มีความสดใหม่ สามารถรับประทานได้ทั้งครอบครัว พร้อมกับเมนูที่มีความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นซาชิมิ ซูชิ ปลาแซลมอน พร้อมกับบรรยากาศที่แฝงไปด้วยกลิ่นอายของความเป็นประเทศญี่ปุ่นแบบสุดๆ
- พิกัด : ชั้น 3
- เวลาเปิด-ปิด : 10 โมง – 4 ทุ่ม
20. BBQ Plaza

ตัวจริงเรื่องปิ้งย่าง กับ บาร์บีคิวพลาซ่า กับร้านอาหารแนวปิ้งย่างที่ครองใจคนไทยมาอย่างยาวนาน ด้วยมาสคอตน้อนมังกรสีเขียว หรือ น้องบาบีก้อนสุดน่ารัก ที่รอต้อนรับทุกคนอยู่ตลอดเวลา ที่สำคัญยังขนเมนูคุณภาพเกรดพรีเมี่ยม ไม่ว่าจะเป็นเนื้อย่าง หมู ที่สำคัญน้ำจิ้มของที่นี่คือเด็ดที่สุด
- พิกัด : ชั้น 3
- เวลาเปิด-ปิด : 10 โมง – 4 ทุ่ม
21. Mister Lobster

ปิดท้ายกันด้วยร้านเด็ดเอาใจคนรัก กุ้งล็อปสเตอร์ กับร้านที่เอาใจคนรักกุ้งโดยเฉพาะ โดยต้องบอกก่อนเลยว่าร้านนี้เขามีสัญชาติมาจากอเมริกา ว่ากันว่ากุ้งล็อปสเตอร์ของที่นี่หวานที่สุดในสามโลก พร้อมกับเซ็ตที่มีให้เลือกมากมาย อาทิ Lobster Soup Fresh Truffle Soup Lobster Roll เป็นต้น
- พิกัด : ชั้น G
- เวลาเปิด-ปิด : 10 โมง – 3 ทุ่ม
เป็นยังไงกันบ้างกับ 20 ร้านอาหาร เซ็นทรัลลาดพร้าว ที่เรานำมาฝากกันในครั้งนี้ บอกเลยว่าแต่ละร้านมีแต่ความเด็ดดวง น่าไปทั้งนั้นเลยใช่ไหมละ ถ้าเกิดอ่านแล้วรู้สึกติดใจร้านไหน ก็ลองแวะไปกันดูได้เลย เพราะเชื่อได้เลยว่าจะต้องเป็นร้านโปรดของทุกคนอย่างแน่นอน แต่ถ้าใครไปร้านไหนมาแล้ว ก็อย่าลืมมาเล่าให้ฟังกันด้วยนะ
สามารถติดตามโปรโมชั่น ที่ไม่ควรพลาดได้ที่ Facebook : Hungry Hub แอปจองมื้อพิเศษอันดับ 1 ของไทย