วันหยุด วันพักผ่อนทั้งที อยากจะหาเวลาไปลองสัมผัสมื้อพิเศษกับอาหารหลากหลายสัญชาติสักที่ แต่ไม่อยากถึงขั้นที่จะบินไปรอบโลกขนาดนั้น แต่ว่าวันนี้ Hungry Hub รวบรวมมาให้แล้ว กับ 7 ห้องอาหาร Sheraton Grande Sukhumvit หนึ่งในโรงแรมหรูระดับ 5 ดาว ใจกลางสุขุมวิท ที่มีทั้งอาหารอิตาเลียน บุฟเฟ่ต์นานาชาติ เลานจ์บาร์แจ๊สฟิลดี หรือจะท่องโลกไปกับเชฟตัวจิ๋ว งั้นอย่ารอช้า ไปดูกันเลย
แนะนำ 7 ห้องอาหาร Sheraton Grande Sukhumvit
1. Rossini’s

ร้านอาหารอิตาเลียนชั้นนำของโลก ที่การันตีรางวัลมากมายไม่ว่าจะเป็น Award Of Excellence จาก Wine Spectator ในปี 2018 ปี 2022 และในปี 2023 โดยบรรยากาศภายในร้านนั้นจะให้บรรยากาศเหมือนทานอาหารอยู่ในบ้านสไตล์ทัสกัน ที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น ด้วยโทนสีครีม-เหลืองอ่อน รวมไปถึงอิฐไม้ และ หินต่างๆ นอกจากนี้ในเรื่องของรสชาติอาหารก็มีความพิถีพิถัน เพราะรังสรรค์โดยเชฟชาวอิตาเลียนแท้ๆ ที่สำคัญก็ยังมีเซ็ทแบบโรแมนติกอีกด้วย เหมาะสำหรับที่อยากจะมาออกเดทแบบสุดๆ
2. Orchid Cafe

สายบุฟเฟต์ตัวพ่อ ตัวแม่ ถ้าอยากกินแบบจุกๆ จะพลาดได้ยังไงกับ Orchid Cafe ซึ่งตัวร้านก็ตั้งอยู่ที่ชั้น L ของโรงแรม บรรยาากาศของร้านดูเรียบง่าย แต่ใหญ่ กว้างขวาง เลือกที่นั่งได้ตามใจ ใครอยากนั่งริมหน้าต่าง หรือ นั่งใกล้โซนอาหารจะได้เดินไปตักได้ง่ายๆ ส่วนไลน์อัพของอาหารนั้นก็ยกมาถึง 6 สเตชั่นด้วยกัน ไม่ว่าาจะเป็น สเตชั่นซีฟู้ดอาหารทะเล อาหารจานเดี่ยว อาหารญี่ปุ่น Show Kitchen นานาชาติ ไปจนถึงของหวาน มีครบจุใจเลยทีเดียว
3. The Living Room

เลานจ์แจ๊สบาร์ ณ ชั้น 1 ของโรงแรม ที่ให้ความรู้สึกราวกับได้นั่งฟังดนตรีแจ๊ส ในโรงดนตรีที่เต็มไปด้วยความหรูหรา ซึ่งภายใน The Living Room นั้นก็จะมีการแบ่งออกเป็น 2 โซนด้วยกัน และสามารถรองรับลูกค้าที่มาทานอาหารได้สูงสุดกว่า 80 ท่าน เหมาะสำหรับใครที่อยากจะมาเพลิดเพลินกับเสียงเพลง มาทานอาหารกับครอบครัว คนรู้ใจ โดยก็จะมีให้บริการทั้ง Afternoon Tea ที่จะมีธีมที่เป็นเอกลักษณ์ และวันอาทิตย์ก็จะมีการยกทั้งชั้นให้กลายเป็นโซน Sunday Jazz Brunch ที่จะเสิร์ฟบรันช์แบบบุฟเฟต์ไม่อั้นอีกด้วย
4. Le Petit Chef

ถ้ามีอะไรที่ใหญ่ๆแล้ว จะแปลกไหมกว่าหรือไม่ ถ้าได้สัมผัสกับโลกของเชฟตัวจิ๋วที่แปลกตาไปกว่าเดิม กับ Le Petit Chef หรือ เลอ เปอติต์ เชฟ ซึ่งจะเปิดประสบการณ์ในการทานอาหารในรูปแบบที่แปลกตาด้วยการนำเสนอการเล่าเรื่องราวผ่าน ตัวละครเชฟตัวจิ๋วสุดน่ารัก และเทคโนโลยีสามมิติ ที่จะทำให้เมนูอาหาร 5 คอร์สนั้น เต็มไปด้วยความน่าตื่นตา ตื่นใจ และที่สำคัญร้านนี้ไม่ว่าเด็ก หรือ ผู้ใหญ่ ก็สามารถมาได้ด้วย
5. Barsu

มาดื่มไป ทานไป ในแบบฉบับของแกสโตรบาร์สุดชิลล์ที่มีบรรยากาศสบายๆ ด้วยการตกแต่งที่ร่วมสมัย พร้อมดนตรีสดเพราะๆ เหมาะมากกับการมาแฮงก์เอาต์ยามค่ำคืนกับเพื่อนฝูงหรือคนพิเศษ อีกทั้งเมนูของทานเล่นให้ได้เลือกทานมากมาย แต่ที่เด็ดจริงๆจะอยู่ที่เครื่องดื่ม เรียกได้เลยว่าเป็นอีกหนึ่งจุดนัดพบที่ครบเครื่องเรื่องความบันเทิงได้อยย่างแท้จริงเลยละ
6. DID – Dine in the Dark

แค่เห็นชื่อและรูปอย่าพึ่งตกใจ เพราะไม่ใช้ห้องดำอยากที่หลายๆคนคิด เพราะนี้คือห้องอาหารแนวไฟน์ไดนิ่ง ที่เหมาะสำหรับใครที่อยากจะหาความตื่นเต้นและเร้าใจ ด้วยการเสิร์ฟเมนูต่างๆ ที่จะไม่มีการบอกว่าคือเมนูอะไร ที่ให้ไปสัมผัสในบรรยากาศมึดๆ เพื่อปลุกประสาทสัมผัสด้านรสชาติ กลิ่น และการสัมผัสให้ตื่นขึ้นอย่างเต็มที่ โดยแต่ละเมนูนั้นก็บอกได้เลยว่าไม่ธรรมดา เพราะมีทั้ง เมนูอาหารสไตล์เอเชีย อาหารตะวันตก อาหารมังสวิรัติ หรือ Chef’s Selection ที่คัดสรรจากเชฟชั้นเลิศภายในโรงแรม แต่ถ้าเกิดไม่สามารถทานอาหารประเภทไหน ก็สามารถแจ้งล่วงหน้าก่อนได้ด้วยเช่นเดียวกัน
7. Basil

ปิดท้ายด้วยการก้าวเข้าสู่ในโลกใบใหม่ของอาหารไทยต้นตำรับ ในบรรยยากาศสุดหรูหราที่ร่วมสมัย ใจกลางโรงแรมหรูระดับ 5 ดาว พร้อมกับการเลือกใช้วัตถุดิบจากท้องถิ่น ที่เสิร์ฟโดยเชฟผู้มากความสามารถ ผ่านครัวแบบเปิดแบบไดนามิก และที่สำคัญเมนูบุฟเฟต์ให้เลือกมากมายกว่า 30 รายการ ไม่ว่าจะเป็น ทอดมันกุ้งน้ำจิ้มบ๊วย ผัดกระเพรา แกงเขียวหวาน พล่าเนื้อมะเขืออ่อน เป็นต้น
และนี้ก็คือ 7 ห้องอาหาร Sheraton Grande Sukhumvit ที่ Hungry Hub กล้าพูดได้เต็มปากเลยว่า มีอาหารหลากหลายสไตล์ที่รวบรวมมาไว้ในที่เดียว ไม่ว่าจะเป็นอาหารไทยแบบดั้งเดิม อาหารอิตาเลียน อาหารนานาชาติ รวมไปถึงห้องอาหารสุดแปลกตา หรูหราอีกมากมาย ถ้าใครที่ไม่รู้จะไปไหนลองเลือกกันได้เลย เพราะราคาเริ่มต้นต่อหัวเริ่มต้นเพียงคนละ 397 บาท ต่อท่านเท่านั้น จองเลย
สามารถติดตามโปรโมชั่น ที่ไม่ควรพลาดได้ที่ Facebook : Hungry Hub แอปจองมื้อพิเศษอันดับ 1 ของไทย