ใจกลางย่านเพลินจิตที่เปี่ยมด้วยสีสัน มีร้านอาหารจีนไฟน์ไดนิ่งแห่งใหม่ได้ถือกำเนิดขึ้น เพื่อรอให้เหล่านักชิมได้มาค้นพบประสบการณ์ที่แตกต่าง ณ Purple Laurel ซึ่งไม่ใช่เป็นเพียงร้านอาหารจีนทั่วไป แต่คือพื้นที่แห่งการสร้างสรรค์ที่รสชาติต้นตำรับของอาหารจีนสไตล์เจียงหนานและกวางตุ้ง ได้มาบรรจบกับศิลปะสมัยใหม่ ผ่านการรังสรรค์ของเชฟฝีมือฉกาจอย่าง เชฟ Yu Bin (อวี๋ปิน) ผู้คร่ำหวอดจากร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์ ที่นี่พร้อมจะมอบความอร่อยตื่นตาตื่นใจที่จะเปลี่ยนมุมมองของคุณต่ออาหารจีนไปตลอดกาล

ร้าน Purple Laurel ตั้งอยู่บนชั้น 4 ของศูนย์การค้า Gaysorn Amarin การเดินทางมายังร้านนั้นสะดวกสบาย หากเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว สามารถขับมาทางถนนเพลินจิตและจอดรถได้ภายในอาคาร หรือหากเดินทางด้วยรถสาธารณะ ก็สามารถนั่งรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียวมาลงที่สถานีชิดลม แล้วใช้ทางเดินเชื่อม (Skywalk) เข้าสู่ตัวห้าง ขึ้นบันไดเลื่อนมายังชั้น 4 ก็จะพบกับร้านอยู่ตรงหน้า



ทันทีที่เดินทางมาถึงและก้าวเข้าสู่ร้าน จะได้สัมผัสกับความโอ่โถงและหรูหราที่ได้รับแรงบันดาลใจจากคฤหาสน์จีนร่วมสมัย ที่นั่งถูกจัดแบ่งเป็นหลายโซน ทั้งโต๊ะกลมและโต๊ะเหลี่ยมบุกำมะหยี่ที่โอบล้อมด้วยบรรยากาศอันอบอุ่นจากแสงไฟสลัว สำหรับใครที่ต้องการความเป็นส่วนตัว ที่นี่ก็มีห้องอาหารส่วนตัวขนาด 8 และ 10 ท่านไว้ให้บริการ รวมถึงโซน Terrace ด้านนอกสำหรับรับลมชมวิวเมือง

หัวใจของ Purple Laurel คือการนำเสนออาหาร เจียงหนานสมัยใหม่ (Modern Jiangnan) ที่ผสานเข้ากับรสชาติอันหรูหราของอาหาร กวางตุ้ง (Cantonese) ได้อย่างลงตัว. อาหารเจียงหนาน คือศาสตร์การทำอาหารชั้นสูงจากแถบลุ่มแม่น้ำแยงซีเกียง ซึ่งครอบคลุมเมืองสำคัญอย่างเซี่ยงไฮ้และหางโจว มีชื่อเสียงในด้านรสชาติที่ละเอียดอ่อน นุ่มนวล และสง่างาม ซึ่งมีความผูกพันกับราชสำนักจีนมาตั้งแต่อดีต เชฟอวี๋ปินได้นำรสชาติดั้งเดิมอันเป็นมรดกนี้ มาตีความใหม่ด้วยเทคนิคสมัยใหม่และเสริมด้วยความประณีตของอาหารกวางตุ้ง เพื่อรังสรรค์เป็นศิลปะบนจานที่งดงามและมีรสชาติล้ำลึก
เจาะลึกเมนูซิกเนเจอร์ที่ไม่ควรพลาด

ทับทิมทองเห็ดทรัฟเฟิล
การเดินทางแห่งรสชาติเริ่มต้นด้วยเมนูเรียกน้ำย่อยแบบเย็นจานนี้ ไส้ด้านในทำจากเห็ด 5 ชนิดที่นำไปผัดจนหอมกรุ่น อบอวลไปด้วยกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ของทรัฟเฟิล แล้วนำมาห่อด้วยแป้งเวียดนาม ให้รสสัมผัสที่สดชื่นและเป็นการเปิดต่อมรับรสได้อย่างสมบูรณ์แบบ

หมูสามชั้นพีระมิดกับหมั่นโถวใบเตย – Pyramid Pork Belly with Pandan Leaf Bun
หนึ่งในเมนูซิกเนเจอร์ของอาหารสไตล์เจียงหนานที่สะท้อนถึงแก่นแท้ของร้านได้อย่างงดงาม เฮดเชฟบรรจงแล่เนื้อหมูสามชั้นเป็นเส้นยาวต่อเนื่อง แล้วนำไปผ่านกรรมวิธีการปรุงที่ซับซ้อนจนได้เนื้อสัมผัสที่นุ่มละลายในปาก ด้านในพีระมิดสอดไส้ด้วยหน่อไม้ดองจากภูเขาเทียนหมู่เพื่อเพิ่มมิติของรสชาติ ทานคู่กับหมั่นโถวใบเตยร้อนๆ นับเป็นความลงตัวที่น่าจดจำ

ปลิงทะเลตุ๋นซอสเป๋าฮื้อ – Braised Sea Cucumber with Abalone Sauce
เมนูสำหรับหนึ่งท่านที่แสดงให้เห็นถึงความพิถีพิถัน ปลิงทะเลถูกนำไปทอดจนได้ผิวสัมผัสกรอบนอกนุ่มใน เสิร์ฟเคียงกับหอมแดงทอดและผักโอสุ่นกรอบๆ ซึ่งเป็นพืชตระกูลเดียวกับหน่อไม้ฝรั่ง โดยพนักงานจะนำซอสเป๋าฮื้อรสชาติเข้มข้นมาราดบนตัวปลิงทะเลที่โต๊ะของคุณ เป็นอีกหนึ่งจานที่มอบทั้งรสชาติและประสบการณ์

ปลาอบซอสพริกไทยดำในหม้อดิน – Casserole Fish with Black Pepper Sauce
เมนูทานง่ายที่อัดแน่นไปด้วยรสชาติ จัดเสิร์ฟมาในหม้อดินร้อนๆ ที่รองด้านล่างด้วยกระเทียม หัวหอม และขิงซึ่งส่งกลิ่นหอมชวนทาน เนื้อปลาชิ้นพอดีคำที่วางอยู่ด้านบนถูกราดด้วยซอสพริกไทยดำรสชาติจัดจ้าน เมื่อทานพร้อมกันจะได้ทั้งความนุ่มของเนื้อปลาและความหอมของสมุนไพร



เมนูจากโครงเป็ด
สำหรับเมนูเป็ดปักกิ่ง หลังจากที่เชฟแล่หนังและเนื้อเสิร์ฟแล้ว โครงเป็ดที่เหลือจะไม่ถูกปล่อยให้เสียเปล่า โดยสามารถเลือกให้เชฟนำไปปรุงต่อได้ 2 รูปแบบ คือ “ผัดกระเทียม” หรือ “คลุกเกลือและพริกไทย” เพื่อเป็นเมนูกับแกล้มชั้นเลิศ

ซุปบะหมี่สไตล์หวยหยาง – Huaiyang Style Noodle Soup
อีกหนึ่งเมนูล้างท้องชั้นดี คือซุปบะหมี่ร้อนๆ ที่ใช้เส้นบะหมี่ไข่ให้เนื้อสัมผัสที่นุ่มนวลในน้ำซุปรสกลมกล่อมที่เคี่ยวจากเนื้อหมูและไก่ โรยหน้าด้วยกุ้งแห้งญี่ปุ่นเพื่อเพิ่มกลิ่นหอมและรสชาติ เป็นเมนูซดคล่องคอที่ทำให้รู้สึกสบายท้อง
วัฒนธรรมการทานและของหวานปิดท้าย

ตามธรรมเนียมการรับประทานอาหารของจีนในแถบเซี่ยงไฮ้ หลังจากรับประทานอาหารจานหลักแล้ว จะไม่ใช่การรับประทานของหวานทันที แต่จะเป็นการ “ล้างท้อง” ด้วยติ่มซำ เพื่อเป็นการปรับรสชาติก่อนที่จะปิดท้ายมื้ออาหารอย่างสมบูรณ์
ฮะเก๋ากุ้ง
ติ่มซำที่นี่ไม่ธรรมดา ตัวแป้งมีสีเขียวสวยงามจากน้ำผักโขม สอดไส้ด้วยเนื้อกุ้งเต็มๆ คำถึง 2 ตัว เสิร์ฟ 3 ชิ้นต่อหนึ่งเข่ง ทานคู่กับน้ำส้มสายชูจีน (วิเนก้า) เพื่อช่วยตัดรสชาติ

พัฟฟ์สิงโตอบไส้มันหวาน – Baked Lion Puff with Sweet Potato
ของหวานติ่มซำที่สวยงามราวกับงานศิลปะ พัฟฟ์รูปสิงโตทำจากมันหวาน สอดไส้ด้วยไข่ลาวาเยิ้มๆ และตกแต่งด้วยสีทองอร่าม ที่มาของรูปทรงสิงโตมาจากสัญลักษณ์มงคลของเมืองซูโจว ซึ่งเป็นสัตว์แห่งการปกป้องคุ้มครองตามความเชื่อของจีน

พุดดิ้งปลาคาร์ปแช่เย็นรสแพชชั่นฟรุต – Chilled Koi Fish Pudding with Passion Fruit
ของหวานล้างปากจานสุดท้ายที่ช่วยเติมเต็มความสดชื่น พุดดิ้งรูปปลาคาร์ปน่ารัก มีรสเปรี้ยวอมหวานกำลังดีจากเสาวรส เป็นการปิดท้ายมื้ออาหารที่สมบูรณ์แบบ
สรุปแล้ว Purple Laurel คือจุดหมายปลายทางสำหรับนักชิมที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์อาหารจีนร่วมสมัยอย่างแท้จริง ด้วยฝีมือของเชฟระดับมิชลินสตาร์ วัตถุดิบพรีเมียม และการนำเสนอที่น่าตื่นตาตื่นใจ ที่นี่จึงเหมาะสำหรับทุกโอกาสพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นมื้อกลางวันทางธุรกิจ ดินเนอร์สุดโรแมนติก หรือการสังสรรค์ในครอบครัว และที่สำคัญไม่ควรพลาดที่จะจองผ่าน Hungry Hub กับแพ็กเกจสุดพิเศษ ในราคาสุดคุ้ม เริ่มต้นเพียง 845 บาทเท่านั้น
สามารถติดตามโปรโมชั่น ที่ไม่ควรพลาดได้ที่ Facebook : Hungry Hub แอปจองมื้อพิเศษอันดับ 1 ของไทย
อ่านบทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ที่นี่
- Copper Beyond Buffet Gaysorn Amarin ที่สุดของพรีเมียมบุฟเฟต์ กับสาขาใหม่สุดหรูใจกลางเมือง
- รีวิว Versailles Palace Restaurant ภัตตาคารจีนระดับตำนาน ที่เปิดมานานกว่า 40 ปี
- The Square Novotel Siam Square บุฟเฟ่ต์กุ้งแม่น้ำเผา-ซีฟู้ดไม่อั้น พร้อมเมนูสไตล์เชฟเทเบิ้ล
- บุฟเฟต์ 2 สไตล์ เช้า-เย็น ที่ One Ratchada Avani Ratchada Bangkok อิ่มคุ้มครบทุกมื้อในโรงแรมสุดหรูใจกลางรัชดา!