หนึ่งในวัตถุดิบหลักที่ไม่ว่าใครก็ต้องเคยลิ้มลองจนต้องหลงไหล นั่นก็คือ “เนื้อวัว” นี่แหละครับ แต่กว่าจะมาเป็นสุดยอดเนื้อวัวแสนอร่อยของแต่ละประเทศ นั้นเค้าก็มีเคล็ดลับในการเลี้ยงดูที่ต่างกัน วันนี้ Hungry hub จะพาไปรู้จักว่าเนื้อวัวคุณภาพระดับโลกนั้นส่วนใหญ่แล้วเค้านำเข้าจากประเทศอะไรกันบ้าง และมีวิธีการเลี้ยงดูยังไงให้มันได้คุณภาพดีแบบที่กินแล้วต้องฟินกันว่า เนื้อวัวแต่ละประเทศ นั้นต่างกันยังไงนะ ทำไมราคาถึงถูก-แพงต่างกัน
บางครั้งที่เราไปทานเนื้อวัวนั้นเราอาจจะเคยสงสัยกันว่า ทำไมร้านนี้เนื้อถึงนุ่มมาก ทำไมร้านนั้นเนื้อถึงละลายในปากแบบหายไปเลย หรือทำไมอีกร้านนึงเนื้อแข็งโป๊ก แถมราคาเนื้อแต่ละแบบที่พูดมามันยังต่างกันอีก ซึ่งต้องบอกเลยนะครับว่าที่เป็นแบบนี้เพราะเนื้อวัวที่แต่ละร้านใช้นั้นนำเข้ามาจากหลากหลายประเทศนั่นเอง แล้วแบบนี้ เนื้อวัวแต่ละประเทศ มันแตกต่างกันอย่างไร ไขข้อข้องใจได้ในบทความนี้ได้เลยจ้า
เนื้อวัวญี่ปุ่น
ที่ประเทศญี่ปุ่นนั้นให้ความสำคัญกับเนื้อวัวอย่างมากเลยล่ะครับ เรียกได้ว่าเป็นสวรรค์ของคนรักเนื้อเลยก็ว่าได้ เพราะถึงแม้พื้นที่ในบ้านเค้าจะมีจำกัด แต่การเลี้ยงดูวัวนั้นทำได้อย่างใส่ใจในทุกๆ ขั้นตอน และให้ความสำคัญกับอาหารการกิน รวมทั้งการอยู่อาศัยเพื่อให้วัวผ่อนคลายและมีเนื้อที่นุ่มอร่อยจากภายในสู่ภายนอกให้เราได้ทานกัน
และเนื้อวัวญี่ปุ่นที่มักจะนิยมเอามาทำอาหาร หรือได้รับความนิยมมากๆ ก็คือ เนื้อวากิว หรือ เนื้อโกเบ ซึ่งเป็นเนื้อที่มีคุณภาพสูงมาก รสชาติเยี่ยม และสัมผัสนุ่มลิ้น ทำให้ไม่ว่าใครก็ต้องตกหลุมรักทันทีที่ได้ลิ้มลอง
ซึ่งที่ประเทศญี่ปุ่นนี้ขึ้นชื่อในเรื่องการเลี้ยงดูวัวอย่างพิถีพิถัน โดยให้ดื่มเบียร์เป็นอาหาร ทำให้เนื้อวัวมีความนุ่มและหอม อีกทั้งยังมีริ้วไขมันแทรกอยู่จนได้ชื่อว่า “เนื้อลายหินอ่อน” นั่นเอง
เนื้อ USDA อเมริกา
สำหรับเนื้อวัวที่มาจากอเมริกาและมีชื่อ USDA นำหน้ามาแบบนี้แสดงว่าเป็นเนื้อที่ผ่านการคัดกรองมาแล้วในเรื่องของคุณภาพจากกระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะมีการตรวจสอบเนื้อวัวอย่างเข้มงวดตั้งแต่วิธีการเลี้ยง ขั้นตอนการฆ่า และชำแหละ ไปจนถึงการเก็บเนื้อและขนส่งเลยล่ะครับ ทำให้มั่นใจได้เลยว่าเนื้อวัวอเมริกานั้นเป็นเนื้อวัวคุณภาพเยี่ยมที่ควรค่าแก่การลิ้มลองจริงๆ
ซึ่งการเลี้ยงวัวของที่นี่ส่วนใหญ่หรือแทบทั้งหมดจะให้กินข้าวโพดเป็นอาหารหลัก ส่งผลให้มีเนื้อที่หนา นุ่ม มีไขมันแทรกในเนื้อแบบชุ่มฉ่ำเงางามแบบที่คนชอบเนื้อติดมันต้องหลงรัก
โดยวัวเนื้อในอเมริกาส่วนใหญ่จะเป็นลูกผสมของ Angusกับ Herefordออกมาเป็นสายพันธุ์ที่ลงตัวที่สุดของวัวเนื้อเลยล่ะครับ เป็นวัวอารมณ์ดี ไม่หงุดหงิด เนื้อเลยนุ่มอร่อย เลี้ยงก็ง่าย รสชาติก็เยี่ยม สมแล้วล่ะครับที่เป็นเนื้อที่มีราคาแพงเพราะคุณภาพของมันเป็นตัวการันตีอย่างดีนั่นเอง
เนื้อวัวออสเตรเลีย
ถัดจากเนื้อวัวญี่ปุ่นก็ต้องเป็นเนื้อวัวออสเตรเลียนี่แหละครับ ซึ่งบอกเลยว่าเนื้อวัวทุกชิ้นที่ส่งออกจากที่นี่คุณภาพดีทั้งสิ้น ได้รับการยอมรับจากเชฟในร้านอาหาร รวมถึงภัตตาคารมากมาย เป็นที่เลื่องลือของเหล่านักชิมกันเลยก็ว่าได้ เพราะเนื้อวัวออสเตรเลียมีความโดดเด่นในเรื่องของความนุ่ม และกลิ่นเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร
โดยเค้าจะแบ่งการเลี้ยงดูออกเป็น 2 แบบด้วยกัน ทำให้ลักษณะของเนื้อแตกต่างกันไป คือ เลี้ยงด้วยหญ้าธรรมชาติ ปล่อยให้เดินเล่นกินหญ้ากินอะไรไปแบบชิลๆ ซึ่งเนื้อวัวแบบนี้จะไขมันน้อย ดีต่อสุขภาพของผู้บริโภค กับอีกแบบคือ วัวที่เลี้ยงด้วยธัญพืชล้วนๆ ซึ่งจะได้สารอาหารสมดุลที่สุด ทำให้มีไขมันแทรกเป็นลายหินอ่อน และมีรสสัมผัสที่ยอดเยี่ยมจนคนทั้งโลกติดใจ
เนื้อวัวอาร์เจนตินา
เนื้อวัวที่ขึ้นชื่ออีกที่นึงของโลกนี้ก็ที่อาร์เจนตินานี่แหละครับ เพราะเป็นประเทศที่คนกินเนื้อวัวมากกว่าอาหารชนิดอื่นๆ รวมกันซะอีก เรียกได้ว่าเป็นสวรรค์ของคนรักเนื้อเลยก็ว่าได้ เพราะอาร์เจนตินาเค้าทั้งบริโภคและส่งออกเป็นอันดับต้นๆ ของโลกเลย โดยวัวที่อาร์เจนตินาจะถูกเลี้ยงดูปูเสื่ออย่างดี และฟูมฟักให้กินหญ้าตามธรรมชาติ
โดยวัวชั้นดีของอาร์เจนตินาที่ส่งออกและนำมาขายทอดตลาดต่างประเทศนั้นจะถูกเลี้ยงแบบปล่อย อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เปิดกว้างบนทุ่งหญ้าปัมปาส ทำให้มีอิสระในการใช้ชีวิต เนื้อวัวจะนิ่มและผ่อนคลาย ไม่มีความตึงเครียด อีกทั้งยังไร้สารเคมีเจือปน ช่วยให้คนที่รักสุขภาพมีตัวเลือกมากยิ่งขึ้น
เนื้อวัวไทย
เนื้อวัวไทยหรือที่รู้จักกันในชื่อ เนื้อโคขุน นับเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่สามารถเอาไปเทียบเคียงกับเนื้อวัวต่างประเทศได้เลยล่ะครับ เพราะเนื้อวัวไทยมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน หาซื้อง่าย แถมรสชาติเยี่ยมในราคาที่ไม่แพง
เนื้อโคขุนของไทยถึงแม้จะมีหลากหลายเกรดเหมือนเนื้อวัวในหลายๆ ประเทศก็จริง แต่ถ้าพูดถึงเกรดที่สูงที่สุดก็ต้องเป็นเนื้อที่มีไขมันแทรก และมีสัมผัสนุ่มลิ้น ผ่านขั้นตอนการบ่มเนื้อภายใต้อุณหภูมิ 0-4 องศาเซลเซียส 4-7 วันก่อนจำหน่าย ซึ่งก็คือเนื้อโคขุนโพนยางคำ จ.สกลนคร นั่นเองครับ
แต่ด้วยกับสภาพภูมิอากาศ และพืชผักต่างๆ ที่เหมาะสมกับการเลี้ยงวัวเนื้อ ทำให้รสชาติ และคุณภาพของเราอาจจะยังไม่เทียบเท่ากับต่างประเทศ ทำให้ราคาถูกกว่ากันอย่างเห็นได้ชัดนั่นเอง
นี่แหละครับที่มาของความต่างทางด้านรสชาติ ราคา และความประทับใจ จะเห็นได้เลยนะว่า ยิ่งวัวได้รับการดูแลเอาใจใส่มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้ได้เนื้อที่มีราคาสูงมากเท่านั้น ทีนี้เวลาจะไปทานอาหารตามร้านต่างๆ ก็คงหายข้องใจแล้วใช่มั้ยล่ะครับว่าทำไมเนื้อต่างประเทศถึงได้มีราคาแพง
ส่วนใครที่อยากทานเนื้อวัวดีๆ ทานได้ไม่อั้น แถมคุมงบได้ตั้งแต่หลักร้อยถึงหลักพัน ขอแนะนำลองจองผ่าน Hungry Hub ที่รวบรวมร้านดังเรื่องเนื้อ ที่เสิร์ฟกันแบบ A La Carte ทำใหม่ๆ มาให้กินแบบจุใจ แต่จ่ายราคาต่อท่านแบบร้านบุฟเฟ่ต์กับแพ็กเกจ All You Can Eat อิ่ม คุ้ม ครบในงบที่ใช่ เพียงจองล่วงหน้า ไม่มีค่าใช้จ่าย ไม่ต้องสำรองบัตรเครดิต เปลี่ยนแปลงหรือยกเลิกการจองก็ทำได้ กินก่อน จ่ายที่ร้าน ที่สำคัญ ราคา NET รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและค่าบริการแล้วอีกด้วย! ชอบร้านไหนกดจองวันและเวลาได้เล้ย
Arno’s Suanplu : บุฟเฟ่ต์ Arno’s สวนพลู เริ่มต้นคนละ 750 บาท
ห้องอาหาร Scalini, Hilton Sukhumvit Bangkok Hotel : บุฟเฟ่ต์ Scalini เริ่มต้นคนละ 1,499 บาท
และสำหรับสายเนื้อคนไหนอ่านแล้วยังไม่หนำใจ ก็สามารถแวะฟินกันต่อได้กับ Tokyo Yakiniku Shoutaian เปิดประสบการณ์ใหม่ในการทานปิ้งย่าง ฟินยิ่งกว่าขึ้นสวรรค์ หรือจะเป็น รวม 7 ร้าน Shabu ดีต่อใจ ทานได้ ไม่มีเบื่อ กับครอบครัวก็ฟิน กับแฟนก็โดน!