สวัสดี Seafood Lover วันนี้เราจะพาไป รีวิว Jumbo Seafood สยามพารากอน ซึ่งเปิดตัวไปเมื่อช่วงปีที่ผ่านมา แน่นอนว่าใครไปพารากอนบางคนก็อาจจะไม่เคยได้ลองกันมาก่อน แต่ก็ต้องแอบบอกเลยว่าเมนูของที่นี่ใหญ่สมชื่อจัมโบ้จริงๆ แถมบรรยากาศร้านดูดีอีกด้วย อย่ารอช้ากันเลยตามไปดูพร้อมๆกันได้เลยจ้า
วิธีการเดินทางมาร้าน Jumbo Seafood
การเดินทางมาร้านจัมโบ้ ซีฟู้ดถือว่ามาไม่ยากเลย ไม่ต้องกลัวว่ารถจะติดเพราะสามารถนั่งรถไฟฟ้าสายสุขุมวิท หรือ สายสีเขียว มาลงสถานีสยาม ส่วนถ้าใครที่อยากนั่งชิวๆ สายรถเมล์ที่ผ่านสยามพารากอนก็มีหลายสาย อาทิสาย 15 40 73 79 204 501 หลังจากนั้นก็ให้เดินเข้ามาที่ห้างสยามพารากอน แล้วลงบันไดเลื่อนไปชั้น G เดินเข้าไปในห้างเรื่อยๆ แล้วจะเจอกับร้าน Jumbo Seafood นั้นเองครับ
Live Aquarium โชว์วัตถุดิบสดๆ ในตู้โชว์สวยๆ
พอพูดถึงอาหารทะเล แน่นอนว่าอาหารทะเลที่ใช้เราไม่รู้เลยว่าสดจริงหรือเปล่า เพราะว่าไม่ได้เห็นวัตถุดิบที่อยู่ตรงหน้า แต่ที่ Jumbo Seafood จะแตกต่างจากร้านอาหารทะเลทั่วๆไป เพราะว่า วัตถุดิบเหล่านี้จะถูกโชว์อยู่ในตู้โชว์แบบ Live Aquarium ของทางร้านทั้งปูศรีลังกา กัุงมังกรตัวใหญ่ๆ ปลา เห็นกันแบบตัวเป็นๆ
บรรยากาศภายในร้าน
บรรยากาศภายในร้าน Jumbo Seafood จะมีความหรูหราตั้งแต่ที่นั่ง ผนัง โทนสีของร้าน ที่ให้ความรู้สักว่าเหมือนกำลังอยู่ในดินแดนแห่งท้องทะเล ซึ่งทุกโต๊ะที่นั่งก็จะประดับประดาไปด้วยดอกไม้ ชุดรับประทานอาหาร แถมยังมีที่นั่งหลากหลายแบบอยากได้ฟิลแบบไหน เก้าอี้ไม้ เก้าอี้เบาะ หรือโซฟา ก็เลือกได้หมด นอกจากนี้ใครอยากได้ความเป็นส่วนตัวที่ร้านก็มีห้องอาหารแบบ V.I.P ที่ชั้น 2 ของร้าน เหมาะกับการชวนครอบครัวมารับประทานกันได้
เมนูอาหารแนะนำ ที่ต้องไปลอง
คราวนี้มาถึงไฮไลท์หลักของเรานวันนี้กันบ้างนั้นก็คือเมนูนั้นเอง วันที่ไปก็ได้สั่งหลากหลายเมนูเพราะว่าไปกันหลายคน ซึ่งแต่ละเมนูก็บอกเลยว่ารสชาติดี อร่อยสมชื่อ Jumbo Seafood เลยจริงๆ แล้วจะมีเมนูอะไรกันบ้างเดียวตามมาดูไปพร้อมๆกันได้เลยจ้า
1. แมงกะพรุนเย็น (Chilled Marinated Jellyfish)
เมนูแรกที่มาให้เราได้ลองก่อนเลยคือ แมงกะพรุนเย็น เป็นเมนูที่ชวนหนึบหนับมากๆ เหมาะกับการทานเรียกน้ำย่อย ซึ่งเมนูก็จะไม่ได้มีความเผ็ดจนเกินไป ถือว่าเป็ดกำลังพอดี นอกจากนี้เนื้อแพงกะพรุนของร้านก็ถือว่ากรุบกรอบ หนึบหนับกำลังดี ทานเพลินๆในระหว่างรอเมนูหลักแบบสบายๆ
2. หนังปลาทอดไข่เค็ม (Salted Egg Fish Skin)
ยังอยู่กับเมนูเรียกน้ำย่อย กับ หนังปลาทอดไข่เค็ม หนังปลาที่เอามาใช้บอกเลยว่าไม่ธรรมดา เพราะว่าใช้หนังปลาแซลมอนคุณภาพดี มาทอดจนมีสีเหลืองกรอบแล้วก็นำไปผัดกับซอสไข่เค็มสูตรเด็ดของทางร้าน พอทานไปแล้วจึงมีความกรอบและรสชาติมันๆของไข่เค็มอย่างลงตัว
3.ฮะเก๋ากุ้งจัมโบ้ (JUMBO ‘Har Gau’ Prawn Dumplings)
ใครชอบฮะเก๋าจะต้องถูกใจอย่างแน่นอน เพราะบอกเลยว่า ฮะเก๋า เป็นเมนูติ่มซำ ที่ค่อนข้างชิ้นใหญ่พอสมควร แถมเนื้อเด้ง เต็มคำ นอกจากนี้ด้านบนของฮะเก๋าของมีไข่กุ้ง และเปลวทองเพิ่มความหรูหรา พรีเมี่ยมไปอีก และถ้ายิ่งจิ้มกับน้ำจิ้มก็บอกเลยว่าต้องฟินอย่างแน่นอน
4.กุ้งผัดพริกไทยและเกลือ (Deshelled Prawn Fried with Pepper and Spiced Salt)
นอกจากกุ้งในฮะเก๋าที่เรียกว่าเด็ดแล้ว ต้องลองสั่งกุ้งผัดพริกไทยและเกลือ มาคู่กันอีกหนึ่งเมนู เพราะว่ากุ้งของที่นี่เนื้อค่อนข้างเด้ง และชิิ้นใหญ่มากๆ แถมพอเอามาผัดคู่กับพริกไทยแล้เกลือแล้ว รสชาติก็จะมีความนุ่มหวาน เผ็ดเบาๆ อย่างลงตัว
5.เต้าหู้หน้าผักโขมกับเห็ด (Spinach Skin Beancurd)
เปลี่ยนแนวมาเป็นเมนูสุขภาพกันบ้างกับ เต้าหู้หน้าผักโขมกับเห็ด ซึ่งเป็นหนึ่งเมนูที่บอกเลยว่าค่อนข้างชอบมากๆ อยากให้ลองสั่งกันดู เพราะว่าเต้าหู้ชิ้นใหญ่มีความหวานกำลังดี ราดซอสฉ่ำๆ คู่กับเห็ดและผักโขม เหมาะกับการทานคู่กับข้าวสวยร้อนๆ เป็นอย่างยิ่ง
6.ข้าวผัดประเทียมปลาเงิน (Garlic Fried Rice with Silver Fish)
เป็นเมนูที่ผสมผสานระหว่างข้าวผัดหอมๆ กับปลาเงินทอดกรอบ ผัดกับกระเทียมจนหอมกรุ่น แล้วนำมาเสิร์ฟมาในเข่งให้ฟิลแบบสไตล์แบบจีนหน่อยๆ ข้าวที่ให้มานั้นก็เหมาะกับการทาน 2-3 คน ถือว่าเป็นขนาดที่กำลังพอดี
7.ปูผัดพริก (Award-Winning Chilli crab)
มาถึงหนึ่งในไฮไลท์ที่ทุกคนรอคอยอย่าง ปูผัดพริก ที่เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในเมนูซิกเนเจอร์หลักของทางร้านเลยก็ว่าได้ ถ้าหากไป Jumbo Seafood แล้วไม่ได้สั่งเมนูนี้เท่ากับไปไม่ถึงที่ร้าน เพราะว่าเมนูนี้จัดเต็มทั้งเครื่องเหมือนทานอยู่ที่สิงคโปร ทั้งปูศรีลังกาไซส์ยักษ์ที่ผัดมารสชาติของส่วนผสมต่างๆมาเคี่ยวจนเข้มข้น เนื้อข้างในก็มีรสชาติที่หวานมันกำลังดี แกะเพลินกันแบบสุดๆ แถมยังมีเครื่องมือสำหรับแกะปูมาให้ด้วย ไม่ต้องกลัวเลยว่าจะต้องแกะด้วยมือเปล่าจนเจ็บมือ
8.ปูผัดไข่เค็ม (Golden Salted Egg Mud Crab)
ยังอยู่กับเมนูจากปูยักษ์ศรีลังกาอีกหนึ่งเมนูสำหรับ ปูผัดไข่เค็ม ซึ่งความเด็ดของเมนูนี้จะไม่เน้นซอสฉ่ำๆ แต่จะเน้นไปในเรื่องของรสชาติเข้มข้นของซอสไข่เค็ม ที่ผัดกับปูศรีลังกา รสชาติที่ได้ก็จะมีความหวานจากเนื้อปู ความมันและเค็มของซอสไข่เค็ม ที่ออกมาอย่างลงตัว
9. พุดดิ้งมะม่วง (Mango Pudding)
ของคาวมาครบแล้วต้องปิดท้ายด้วยของหวาน ซึ่งของหวานที่จะมาแนะนำเลยก็คือ พุดดิ้งมะม่วง นั้นเองซึ่งเมนูนี้ก็ต้องบอกเลยว่าให้ 10/10 เหมาะกับการทานปิดท้ายของคาว เพราะว่า พุดดิ้งมะม่วง ของ Jumbo Seafood นั้นจะมีความหวาน และความเปรี้ยวของมะม่วง และช่วยเพิ่มความสดชื่นแบบสุดๆ
สำหรับใครที่อ่าน รีวิว Jumbo Seafood แล้วอยากลองมาทานที่ร้านก็ต้องขอแนะนำโปรโมชั่นสุดพิเศษกันสักหน่อย ซึ่งสามารถจองแพ็กเกจได้ที่ Hungry Hub สามารถเลือกได้ทั้ง Trio Set เซ็ท 11 เมนูสำหรับมา 3 ท่าน ราคาเพียง 4,590 บาท (เฉลี่ยกันแล้วเหลือเพียง 1,530 บาท) เหมาะกับการมาแบบเป็นครอบครัว หรือ กลุ่มเพื่อนๆ และ Dine in Couple Set เซ็ท 7 เมนูสำหรับมา 2 ท่าน เพียง 2,990 บาท (เฉลี่ยกันแล้วเหลือเพียง 1,495 บาท) เหมาะกับการไปทานแบบคู่รัก
ส่วนร้าน Jumbo Seafood จะอยู่ที่ชั้น G สยามพารากอน ติดกับทางเข้าประตู Drop off ของห้าง เปิดตั้งแต่เวลา 11 โมง – 4 ทุ่ม ใครที่อยากลองมื้อพิเศษแบบนี้ก็สามารถแวะไปลองทานกันได้เลยครับ รับลองว่าเด็ดอย่างแน่นอน
สามารถติดตามโปรโมชั่น ที่ไม่ควรพลาดได้ที่ Facebook : Hungry Hub แอปจองมื้อพิเศษอันดับ 1 ของไทย
อ่านบทความอื่นๆที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ที่นี่