ปาท่องโก๋ เป็นขนมที่คนตื่นเช้าชื่นชอบรับประทาน เหมาะกับการทานคู่กับโจ๊ก น้ำเต้าหู้ หรือ กาแฟ แต่รู้หรือไม่ว่าปาท่องโก๋ ที่เราเรียกกันติดปากเป็นชื่อเรียกที่ผิดมาโดยตลอด โดยวันนี้ Hungry Hub ก็จะพาไปหาคำตอบกันว่าที่แท้จริงแล้ว ปาท่องโก๋ มีที่มาอย่างไร และชื่อเรียกจริงๆ คืออย่างไรกันแน่
ปาท่องโก๋ คืออะไร?
ปาท่องโก๋ เป็นขนมโบราณของจีน รูปทรงสีเหลี่ยม มีส่วนผสมหลักๆ ได้แก่แป้งข้าวเจ้าและน้ำตาลทราย หลังจากนั้นก็นำไปทอดกับน้ำมัน จนออกมามีเนื้อสัมผัสลักษณะคล้ายกับขนมถ้วยฟู ส่วนภาษาจีนที่เรียกของปาท๋องโก๋นั้น เราสามารถเรียกได้อีกอย่างว่า ไป๋ถังเกา ซึ่งเป็นภาษาจีนกลาง ในบางที่ก็อาจจะมีการแต่งกลิ่นแต่งสี ด้วยของจากธรรมชาติ อาทิ ถั่ว ใบเตย งา หรือ ช็อกโกแลต เป็นต้น
อิ่วจาก้วย คืออะไร?
อิ่วจาก้วย เป็นภาษาแต้จิ๋ว หากแปลตรงตัวก็จะได้ความหมายว่า ขนมทอดน้ำมัน โดยมีส่วนผสมหลักๆ คือ แป้งสาลี เอาตัดเป็นท่อนๆ แล้วเอามาประกบเป็นคู่ คล้ายกับรูปตัว X หลังจากนั้นก็จะนำไปทอดในน้ำมันร้อนๆ จนสีของแป้งสาลี เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล ที่ดูกรอบชวนน่ารับประทาน ส่วน หรืออิ่วจาก้วย ยังมีอีกชื่อเรียกว่า โหยวเถียว ซึ่งมีความหมายว่า ขนมเส้นทอดน้ำมัน โดยจะมีความแตกต่างกันตรงที่ โหยวเถียว จะขนาดที่ใหญ่กว่า อิ่วจาก้วย ซึ่งอิ่วจาก้วย เหมาะสำหรับการรับประทานคู่กับโจ๊ก น้ำเต้าหู้ นม หรือ กาแฟ เป็นต้น
ทำไมคนไทยถึงนิยมเรียกปาท่องโก๋ มากกว่า อิ่วจาก้วย?
สิ่งที่ทำให้คนไทยเรียก อิ่วจาก้วยว่าปาท่องโก๋ มากกว่านั้น ก็ได้มีการสันนิษฐานกันไว้ว่า ในสมัยก่อนพ่อค้า แม่ค้าที่ขายขนมมักจะขายหลายๆอย่าง ซึ่งรวมไปถึง อิ่วจาก้วยและปาท่องโก๋ แล้วเวลาร้องขายก็มักจะพูดด้วย ปาท่องโก๋ก่อน ซึ่งคนส่วนใหญ่จะจำชื่อเรียกแรกๆได้มากกว่า จึงทำให้คำว่าปาท่องโก๋ กลายเป็นคำพูดติดปากมาจนถึงปัจจุบัน
กินปาท่องโก๋เป็นอาหารเช้ามากๆ ดีหรือไม่?
ถึงแม้ว่าปาท่องโก๋ จะเป็นขนมที่มีคาร์โบไฮเดรตและไขมันอิ่มตัว ซึ่งให้พลังงานที่สูง เหมาะสำหรับเพิ่มพลังงานในร่างกาย แต่ทว่าการที่เรารับประทานจนมากเกินไปก็อาจจะส่งผลเสียได้เช่นเดียวกัน เพราะว่าปาท่องโก๋ มีโซเดียม จากผงฟู หรือ เกลือปรุงรส ซึ่งไม่ดีสำหรับคนที่เป็น ไทรอยด์เป็นพิษ และนอกจากนี้น้ำมันที่ใช้ทอดจะเป็นน้ำมันที่ใช้ซ้ำ ซึ่งก็จะมีสารโพลาร์ ที่เปิดสารที่ก่อให้เกิดโรคความดันโลหิตสูง และ โอกาสเกิดหลอดเลือดหัวใจตีบได้อีกด้วย
เคล็ดลับทานปาท่องโก๋ ยังไงไม่ให้อ้วน
บางคนอาจจะชอบการทานปาท่องโก๋เป็นประจำอยู่แล้ว แต่บางครั้งก็กลัวว่าทานไปมากๆแล้วน้ำหนักจะขึ้นแบบไม่ตั้งตัว ลองนำเทคนิดง่ายๆ เหล่านี้ไปใช้กันดูครับ
- เลือกปาท่องโก๋ที่ใช้น้ำมันใหม่ในการทอด เพราะว่าน้ำมันเก่าจะมีสารที่ก่อให้เกิดมะเร็ง ความดันโลหิตสูง ซึ่งไม่ดีต่อสุขภาพมากๆ หากสังเกตุง่ายๆเลย ที่ตัวปาท่องโก๋มีสีเหบืองอ่อนๆ จะไม่มีตะกอนไหม้ติดอยู่ที่เนื้อแป้ง
- ควรทานไม่เกินมื้อละ 2 คู่ เพราะว่าปาท่องโก๋เป็นขนมที่ให้พลังงาน กิโลแคลอรี สูงอยู่แล้ว ซึ่งถ้าหากรับประทานคู่กับ นม น้ำเต้าหู้ โจ๊ก หรือ กาแฟ ก็จะยิ่งให้พลังงานสูงไปอีก ดังนั้นการทานเพียง 2 คู่จึงเป็นอะไรที่เพียงพอแล้วสำหรับมื้อนั้นๆ
- จิ้มกับดิปปิ้งแต่พอดี พูดถึงปาท่องโก๋ ดิปปิ้งก็เป็นหนึ่งในไอเทมที่คู่ใจมากๆ ที่มีรสชาติที่หลากหลายแบบ แต่เวลาทานปาท่องโก๋ควรจิ้มดิปปิ้งแต่พอดี เพราะว่าในดิปปิ้งนั้นก็มีน้ำตาลจำนวนไม่น้อย ที่อาจจะส่งผลให้น้ำหนักขึ้นได้
- ทานให้เพียงพอแล้วหันมาออกกำลังกายด้วย เพราะว่าปาท่องโก๋เป็นขนมที่ให้พลังงานสูง หากเราทานในปริมาณที่เยอะแล้วไม่ได้ถูกใช้งาน พลังงานเหล่านี้ก็จะถูกเปลี่ยนเป็นไขมัน ซึ่งส่งผลทำให้อ้วนลงพุงได้ ดังนั้นอย่าลืมออกกำลังกายเพื่อเผาผลาญพลังงานกันด้วยนะครับ
เป็นยังไงกันบ้างกับสาระความรู้เกี่ยวกับ ปาท่องโก๋ ที่นำมาฝากกันในครั้งนี้ เชื่อได้เลยว่าอนนี้เพื่อนๆ ได้คำตอบที่กระจ่างกันแล้วใช่ไหมละครับ ถึงแม้ว่าปาท่องโก๋จะเป็นขนมที่เหมาะสำหรับช่วงเช้าเพียงใด แต่ก็อยากจะให้ลองอาหารเช้าอย่างอื่นไปด้วย เพื่อสุขภาพที่ดีครับ
อ่านบทความอื่นๆ ที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ที่นี่