ต่อยอดจากความสำเร็จของ Vertigo รูฟท็อปบาร์กลางแจ้งแห่งแรกในเอเชียแปซิฟิก โรงแรมบันยันทรี กรุงเทพฯ ได้สร้างสรรค์ประสบการณ์บนฟากฟ้าอีกครั้งกับ Vertigo TOO บาร์หรูในร่มบนชั้น 60 ที่พร้อมจะยกระดับค่ำคืนของคุณให้เหนือกว่าทุกประสบการณ์ที่เคยสัมผัส ที่นี่ไม่ใช่แค่บาร์ชมวิว แต่คือจุดหมายปลายทางที่ออกแบบมาเพื่อปลุกทุกประสาทสัมผัส ให้คุณได้ดินเนอร์เคล้าทัศนียภาพสุดตระการตาของกรุงเทพฯ ยามค่ำคืนและโค้งน้ำเจ้าพระยาอันงดงาม

บรรยากาศภายในร้านให้ความรู้สึกเหมือนได้หลุดเข้ามาดินเนอร์ท่ามกลางท้องฟ้ายามค่ำคืนที่ประดับด้วยดวงดาว หรือ “Starry Night” อย่างแท้จริง ด้วยเพดานทรงโค้งที่ประดับด้วยแสงไฟระยิบระยับนับพันดวง การตกแต่งภายในร้านเน้นความหรูหราแห่งโลกอนาคตที่ไม่เปิดไฟสว่างจ้า แต่ใช้แสงนวลจากโคมไฟเล็กๆ บนโต๊ะเป็นหลัก เพื่อขับให้ทัศนียภาพนอกกระจกบานใหญ่โดดเด่นที่สุด ทำให้การดินเนอร์ในช่วงกลางคืนนั้นเต็มไปด้วยความโรแมนติกและความพิเศษอย่างหาที่ติไม่ได้

ในส่วนของที่นั่งก็มีให้เลือกหลากหลายโซน ทั้งโต๊ะสี่เหลี่ยมพร้อมเก้าอี้สีดำแดงสำหรับมื้ออาหารที่เป็นส่วนตัว หรือจะเอนกายสบายๆ บนที่นั่งสไตล์โซฟาเบดยาวนุ่มๆ พร้อมหมอนอิง ซึ่งเป็นมุมยอดฮิตสำหรับคู่รัก เพราะจะได้เอนหลังมองเห็นวิวเมืองและแม่น้ำเจ้าพระยาแบบชัดๆ ส่วนใครที่มาคนเดียวก็ไม่ต้องกังวล เพราะทางร้านมีที่นั่งหน้าบาร์และที่นั่งบนชั้นลอยที่เหมาะสำหรับการมาดื่มด่ำกับบรรยากาศอย่างเป็นส่วนตัว

เมนูอาหารของ Vertigo TOO จะเป็นเมนูอาหารนานาชาติสไตล์ฟิวชั่นที่รังสรรค์อย่างมีระดับ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากหลากหลายทวีปทั่วโลก สมกับคอนเซ็ปต์ “Cross-cultural Cuisine” ที่ผสมผสานรสชาติและเทคนิคจากหลายวัฒนธรรมเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว

เริ่มกันด้วยที่เมนูเรียกน้ำย่อย ทาร์ทาร์ทูน่าครีบเหลืองสไตล์ไทย (YELLOW FIN TUNA THAI TARTAR) เมนูฟิวชั่นที่ผสมผสานความสดชื่นได้อย่างลงตัว เนื้อปลาทูน่าครีบเหลืองสดใหม่คลุกเคล้ากับอโวคาโดเนื้อเนียน เพิ่มความหรูหราด้วยไข่ปลาแซลมอน (Ikura) และความกรุบกรอบจากข้าวพอง (Crispy Kome) ก่อนจะปรุงรสชาติแบบไทยด้วยเจลมะนาว พริกสด ใบโหระพา และผักชี ให้รสเปรี้ยวเผ็ดสดชื่นในทุกคำ

หอยนางรมฟินเดอแคลร์สไตล์ไทย (FINE DE CLAIRE THAI STYLE) ยกระดับการทานหอยนางรมไปอีกขั้น ด้วยการนำหอยนางรมฟินเดอแคลร์สดหวานจากฝรั่งเศส มาเสิร์ฟพร้อมเครื่องเคียงสไตล์ไทยที่ผ่านการตีความใหม่ ทั้งไข่มุกซอสซีฟู้ดที่แตกในปาก ยอดกระถิน หอมแดงเจียว และน้ำพริกเผา เป็นการจำลองรสชาติการทานหอยนางรมแบบไทยในรูปแบบที่หรูหราและประณีต

มาถึง Mains – อาหารจานหลัก มาเริ่มต้นกันด้วย ปลากะพงย่างชิ้นโต (GRILLED GIANT SEA BASS FILLET)
ปลากะพงเนื้อขาวชิ้นโตนำไปย่างจนหนังกรอบ แต่เนื้อในยังคงความนุ่มและชุ่มฉ่ำ เสิร์ฟบนหน่อไม้ฝรั่งกรอบๆ เคียงด้วยมะเขือเทศกงฟี (Tomato Confit) ที่ให้รสหวานละมุน และเพิ่มมิติแบบไทยๆ ที่คาดไม่ถึงด้วยพริกกล้วยย่างที่ให้กลิ่นหอมและรสเผ็ดอ่อนๆ เป็นจานปลาที่สมบูรณ์แบบ

พาสต้ากุ้งลายเสือและมะเขือเทศเชอร์รี (BURST CHERRY TOMATO PRAWN PASTA) พาสต้าเส้นสดคลุกเคล้ากับซอสมารินาราที่ทำจากมะเขือเทศหลากหลายสายพันธุ์ ทำให้ได้รสหวานอมเปรี้ยวที่ซับซ้อน ใส่กุ้งลายเสือตัวโตเนื้อแน่นเด้ง และท็อปด้วยไข่ปลาแซลมอน (Ikura) ที่ช่วยเพิ่มรสเค็มและความหรูหราให้กับจาน เป็นพาสต้าซีฟู้ดที่รสชาติเข้มข้นถึงใจ

ส่วนเมนูพิเศษอื่นๆนั้นก็มีทั้ง เนื้อสตริปลอยน์ย่างสไตล์อีสาน (STRIPLOIN IN ISAAN STYLE)
เมนูที่นำ “เสือร้องไห้” มาตีความใหม่ในสไตล์ไฟน์ไดนิ่ง เนื้อสตริปลอยน์คุณภาพเยี่ยมนุ่มๆ หมักเครื่องเทศสไตล์ไทยแล้วนำไปย่างจนหอม เสิร์ฟคู่กับน้ำจิ้มแจ่วรสเด็ด เป็นการผสมผสานรสชาติเนื้อชั้นดีเข้ากับความจัดจ้านแบบอีสานที่ลงตัว

หมูสามชั้นเสียบไม้ย่าง 12 ชั่วโมง (12HR PORK BELLY SKEWER)
หมูสามชั้นที่ผ่านการปรุงอย่างยาวนานถึง 12 ชั่วโมงจนนุ่มละลายในปาก นำไปย่างและเคลือบด้วยซอสรสหวานเผ็ด (Sweet & Spicy Glaze) ที่ซึมเข้าเนื้อ เสิร์ฟคู่กับชูครูต (Chucrut) หรือกะหล่ำปลีดอง และซอสแอปเปิ้ลเขียวที่ช่วยตัดเลี่ยนและเพิ่มความสดชื่น

โครเกต์กุ้ง (SHRIMP CROQUETTE) ของทานเล่นที่ไม่ธรรมดา ด้านในเป็นไส้เบชาเมลครีมมี่ที่อัดแน่นด้วยเนื้อกุ้งลายเสือและไข่หอยเม่น (Uni) ที่ให้ความหอมมันของท้องทะเล นำไปชุบเกล็ดขนมปังทอดจนกรอบนอกนุ่มใน เสิร์ฟพร้อม “Romesco Dip” ซอสสไตล์สเปนที่ทำจากถั่วและพริกหยวก เป็นอีกหนึ่งเมนูฟิวชั่นที่น่าประทับใจ

ปิดท้ายด้วยในส่วนของหวาน ชูโรส (CHURROS) ของหวานสุดคลาสสิกที่ทำอย่างพิถีพิถัน ชูโรสทอดร้อนๆ คลุกเคล้าน้ำตาลและซินนามอนหอมๆ เสิร์ฟพร้อมลูกแพร์เชื่อม (Poached Pear) ที่หวานฉ่ำ, ไอศกรีมซอลเท็ดคาราเมลรสเข้มข้น และถั่วพีแคนเคลือบเครื่องเทศ (Spiced Pecans) ที่เพิ่มความกรุบกรอบ

- VG-7 Sling
เครื่องดื่มสีสวยสดใสที่รวมผลไม้เมืองร้อนอย่างมะม่วง สับปะรด และส้มเข้าไว้ด้วยกัน เพิ่มความหวานอมเปรี้ยวด้วยไซรัปทับทิม และเติมความซ่าด้วยโทนิค เป็นแก้วที่มอบความสดชื่นได้ในทันที - Sound of Jungle
ม็อกเทลที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลายเหมือนอยู่กลางป่าด้วยรสชาติหวานฉ่ำของแตงโม ผสานกับรสเปรี้ยวอมขมเล็กๆ ของเกรปฟรุต และความหอมของส้ม เป็นเครื่องดื่มที่ดื่มง่ายและช่วยดับกระหายได้เป็นอย่างดี
และนี้ก็คือ Vertigo TOO บาร์สุดหรู ที่นอกจากจะมีบรรยากาศสุดหรู เหมาะสำหรับการพาคนรู้ใจมาออกเดท หรือ ว่ามาทานข้าวในโอกาสพิเศษต่างๆ ก็ยังมีเมนูอาหารที่มีระดับ ไม่ว่าจะชื่นชอบแนวอาหารใด ก็สามารถเพลิดเพลินกับเมนูต่างๆ ได้ไม่ยาก และที่สำคัญตอนนี้ก็มีให้จองแล้วผ่าน Hungry Hub มีให้เลือกทั้งบุฟเฟต์และแบบเซ็ต เริ่มต้นเพียง 666 บาท เท่านั้น
สามารถติดตามโปรโมชั่น ที่ไม่ควรพลาดได้ที่ Facebook : Hungry Hub แอปจองมื้อพิเศษอันดับ 1 ของไทย
อ่านบทความอื่นๆที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ที่นี่