หากใครที่เดินห้างหรูในย่านชิดลม แล้วอยากจะไปหาร้านโอมากาเสะฟิลสบายๆสักร้าน วันนี้ Hungry Hub จะขอพาทุกคนไป Jinshin Omakase ร้านโอมากาเสะ ที่ล้อมรอบด้วยวิวต้นไม้และสวนสบายตา ที่สำคัญยังมีเมนูพรีเมียมที่ส่งตรงมาจากญี่ปุ่นแบบจัดเต็ม งั้นเราไม่รอช้าไปดูกันเลยว่าจะมีทีเด็ดอะไรกันบ้าง

ตั้งอยู่ในโครงการ Yolo Forest ซอยสมคิด เปิดให้บริการตั้งแต่ วิธีการเดินทางนั้นสามารถเดินทางด้วยรถไฟฟ้าสาธารณะมาลงสถานีชิดลม แล้วเรียกมอเตอร์ไซต์เข้ามาอีกเพียงไม่กี่เมตร หรือจะขับรถส่วนตัวผ่านถนนเพลินจิต (ขับให้เลยเซ็นทรัลชิดลม และ Dior) จากนั้นเลี้ยวซ้ายและตรงเข้ามาเรื่อยๆแล้วเข้ามาจอดภายในโครงการได้เลย

สำหรับตัวร้านนั้นจะอยู่ที่ชั้น 3 โดยให้เดินไปตรงบันไดทางขึ้นข้างๆร้าน Royal Kitchen แล้วให้เดินขึ้นมาอีกชั้นหนึ่งก็จะเจอกับ Jinshin Omakase โดยบรรยากาศภายในก็จะดูมีความเรียบง่าย ตามแบบของบาร์โอมากาเสะสไตล์ญี่ปุ่น ซึ่งก็จะถูกล้อมรอบด้วยกระจกบานใหญ่ที่สามารถมองเห็นวิวต้นไม้ วิวสวน ให้ความรู้สึกที่ร่มรื่น อบอุ่น

ในส่วนของคอร์สโอมากาเสะที่เราจะมาลองกันนั้น ก็จะเป็นแบบ 15 คอร์ส บาท ซึ่งก็เป็นราคาพิเศษที่สามารถจองได้ผ่าน Hungry Hub มีทั้งเมนูของคาวและของหวาน ในบางเมนูนั้นก็จะมีการปรับเปลี่ยนตามฤดูกาล โดยเมนูแรกที่เชฟเสิร์ฟนั้นจะเป็นเมนูฤดูกาลใหม่ที่ได้ลองกันครั้งแรกอย่าง Hotate Sunomomo Terrine ด้านล่างเป็นเจลลี่พอนสึ ผสมกับน้ำสต็อกปลา แล้วก็สอดใส่สาหร้าย ท็อปด้วยนามะโฮตาเตะ ที่นำเข้ามาจากฮอกไกโด และคาเวียร์จากรัชเชีย


ไปกันต่อที่เมนูที่สอง Hotaru Sushi ที่เลือกใช้ปลาหมึกหึ่งห้อย โดยจะเป็นเมนูตามฤดูกาลนำไปเบิร์นไฟ แล้ววางบนมิโสะยูสุซอส ท็อปปิ้งด้วยแผ่นทองเปรล และฉีด ตามมาด้วยเมนูที่สาม Sakuradai Sushi หรือ ซูชิปลาซากุระได เลือกใช้ปลาซากุระได ตระกูลปลากระพงแดง นำมาปั้นกับซูชิเป็นคำ แล้วนำไปทาด้วยโชยุ ตามด้วยอูนิ และดอกไม้ตกแต่ง


เมนูที่สี่นั้น จะเป็นซูชิปลาอิชิได เป็นเมนูที่จะเลือกใช้ปลาอิชิได ซึ่งเป็นปลาเนื้อขาวจากฝั่งเกาะคิวชู ทีจะมีไขมันเยอะ เวลาทานก็จะรู้สึกได้ถึงความละมุน ในส่วนของเมนูที่ห้า ซูชิปลาอิซากิ จะเป็นอีกหนึ่งในปลาตระกูลประเภทเนื้อขาว แต่สีออกอมชมพู นำมาแล่บางๆ ทาด้วยซอสโชยุ จากนั้นจะนำไปเบิร์นไฟ แล้วท็อปด้วยคาเวียร์ ซึ่งเวลาทานก็จะได้รสชาติมัน นุ่มๆละมุน และหอมกลิ่นจากหนังที่นำไปย่างด้วย


สำหรับเมนูที่หก จะเป็น ซูชิอิวาชิ ซี่งปลาอิวาชิ หรือ ปลาชาดีน เป็นปลาหนังสีน้ำเงินที่มีเนื้อละมุน อดุมไปด้วยไขมันโอเมก้า 3 ที่ค่อนข้างเยอะ เวลาทานคู่กับข้าวปั้นจะเป็นรสขาติ มาถึงเมนูที่ 7 ซูชิอาคะไก หรือ ซูชิหอยแครงญี่ปุ่น เป็นเมนูที่เลือกใช้หอยแครงญี่ปุ่น ซึ่งทางเชฟก่อนนำเมนูนี้มาทำจะต้องมีขั้นตอนการเตรียมที่พิถีพิถันในการล้างพวกเมือกออกด้วยน้ำเกบือออกให้สะอาด และจะมีการสะบัดเกลือหิมาลายันบางๆ ซึ่งก็เป็นเทคนิคที่ทางเชฟจะนิยมทำ

ต่อไปจะเป็นซูชิปลาทูน่า หรือ ซูชิปลามากุโระ ซึ่งทางร้านก็จะเป็นเมนูจะเสิร์ฟแบ่งออกเป็นสองส่วนคือชูโทโร่ เป็นเนื้อส่วนที่มีไขมันแทรกเยอะ และจะเพิ่มเติมด้วยการปั้นส้มยูชูปิดท้าย และโอโทโร่ ก็จะเป็นอีกหนึ่งส่วนที่มีมันค่อนข้างเยอะด้วยเหมือนกัน และจะมีการเบิร์นเพื่อตัดความเลี่ยนในส่วนนี้ ก่อนที่จะปิดท้ายด้วยการท็อปปิ้งจากทองคำเปลว

สำหรับอีกหนึ่งเมนูซูชิ ก็จะเป็นซูชิกุ้งอามะเอบิ โดยตัวกุ้งนั้นจะเป็นเป็นกุ้งหวานญี่ปุ่น มีสีขาวอมชมพู และถือว่าเป็นกุ้งที่มีโปรตีนสูง โดยเชฟจะนำไปปั้นกับข้าวปั้นทาซอสและท็อปด้วยคาเวียร์

หลังจากที่เพลิดเพลินกับเมนูซูชิกันไปแล้ว ทีนี้มาถึงคิวของ อูนิ หรือ ไข่หอยเม่นญี่ปุ่น ที่จะนำเสิร์ฟด้วยการนำไปวางบนสาหร่ายทอดกรอบ ทาด้วยซอสโชยุตามด้วยคาเวียร์ วาซาบิและทองคำเปลว ก่อนวางบนจานที่มีถั่วเขียวตกแต่ง

ต่อไปก็จะเป็น ซาบะอิโซเบยากิ ซึ่งเป็นเมนูปลาซาบะที่เชฟนำไปเบิร์นไฟ พร้อมกับสาหร่าย แล้วนำมาห่อเข้าด้วยกันจากนั้นทาด้วยซอสเทริยากิ และโรยด้วยงา 7 สี



ใครที่ชอบอุด้งอยู่แล้ว ที่นี้ก็มีเมนูที่เลือกใช้เส้นอุด้งเย็น ที่ทำมากจากซากุระ เป็นเส้นที่นิยมทาน ทานคู่กับซากุระเอบิ เป็นกุ้งหวานไซส์เล็ก และเสิร์ฟคู่กับโฮตาเตะสอดใส่อูนิ และโรยด้วยทองคำเปลว พ่นทองเพื่อเพิ่มความหรูหรา ซึ่งนอกจากอุด้งแล้ว ก็ยังมีข้าวสไตล์ญี่ปุ่นอย่าง บาระชิราชิมินิด้ง ซึ่งเป็นเมนูข้าวที่จะเสิร์ฟพร้อมกับปลาตามฤดูกาล ข้าวญี่ปุ่น แตงกวา ไปจนถึงไข่ปลาคาเวียร์ โดยก็จะเป็นเมนูจานหนักเพื่อให้รู้สึกอิ่มท้อง ก่อนที่จะตามมาด้วย ซุปหอยอาซาริ หรือ ซุปหอยตลับ ซึ่งเป็นซุปตามฤดูกาล เคี่ยวด้วยตัวซุปจะกระดูกปลา ทำให้มีรสชาติกลมกล่อม ทานแล้วรู้สึกลื่นคอ

หลังจากผ่านเมนูของคาวกันมาแล้ว ทีนี่ก็มาปิดท้ายกันด้วยของหวาน กับเมนูไอศกรีมสตรอว์เบอร์รีโยเกิร์ด มีวิปปิ้งครีมบลูเบอรี่แบบมูสที่ทางร้านทำแบบโฮมเมด ทานคู่กับแพนเค้ก ได้ความหวาน เปรี้ยว เข้ากับความนุ่มของแพนเค้กได้อย่างลงตัว
และถ้าเกิดใครอยากสัมผัสความอร่อยแบบระดับพรีเมียม กับโอกามาเสะในบรรยากาศสบายๆ ในวิวที่ร่มรื่นที่ Jinshin Omakase ตอนนี้ก็ต้องบอกเลยยว่าจองได้เลยผ่าน Hungry Hub พร้อมกับส่วนลดถึง 20% และที่สำคัญเริ่มต้น 15 คอร์ส เพียงแค่ 3,700 บาท เท่านั้น
สามารถดูโปรโมชั่นและเงื่อนไขเพิ่มเติมได้ที่ – Hungry Hub แอปจองมื้อพิเศษอันดับ 1 ของไทย
อ่านบทความอื่นที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ที่นี่
- รีวิว Sushi Koge โอมากาเสะพรีเมียมสไตล์เอโดะ เปิดใหม่ ในย่านอารีย์
- 24 ร้านโอมากาเสะ 2025 เมนูพรีเมี่ยม ต้องไปลองสักครั้ง
- Kuma No Yakitori ร้านลับ Omakase ยากิโทริ ชื่อดังจากญี่ปุ่น ณ สุขุมวิท 47
- รีวิว Rinji Japanese Dining Experience ร้านอาหารญี่ปุ่นในสวน ใจกลางรามอินทรา