Copper Buffet ภูมิใจนำเสนอ ‘Kaviari Kristal Caviar’ ครั้งแรก ที่นี่ที่เดียวเท่านั้น! ที่กล้าเสิร์ฟเมนู คาเวียร์ ให้ลูกค้าในร้านพรีเมี่ยมบุฟเฟ่ต์!
สัมผัสแห่งรสชาติสุด Exclusive ที่คุณจะไม่มีวันลืมเมื่อได้ลิ้มลอง..กับสุดยอดวัตถุดิบระดับโลกจากท้องทะเลฝรั่งเศส เกรด ‘ดีที่สุด’ ที่เชฟระดับ ‘มิชลินสตาร์’ เลือกใช้ให้การยอมรับมาแล้วทั่วโลก
การเดินทางของวัตถุดิบระดับ Over the Top กับรสชาติที่สุดแสนจะ Creamy ตบท้ายด้วย After taste กลิ่นอัลมอนด์จาง ๆ ที่เรารับรองว่าคุณจะลืมไม่ลงแน่นอน …
เพิ่มความพิเศษ สุด Exclusive ขึ้นไปอีกกับ Special Caviar Box Set ‘Copper x Kaviari’ บ๊อกเซตสั่งทำพิเศษ ด้วยความร่วมมือกันระหว่างคอปเปอร์ และ Kaviari แบรนด์คาเวียร์ระดับโลกจากฝรั่งเศส ส่งตรงมาเพื่อคอปเปอร์เท่านั้น! บอกได้เลยว่าคราวนี้คือระดับ Best of the Best กับ Finest ingredients ที่ทุกคนต้องห้ามพลาด
เมนูสุดพิเศษที่ Copper Buffet นำมาเสิร์ฟคือ ‘Kaviari Kristal Caviar with Condiments’ ซึ่งเชฟได้บรรจงผสมผสาน “สุดยอดวัตถุดิบ” ให้เข้ากับเครื่องเคียงนานาชนิดได้อย่างลงตัว
โดยในเซ็ท Special Caviar Box Set ‘Copper x Kaviari’ 15g เสิร์ฟพร้อมเครื่องเคียงอย่าง
- Sour Cream ซาวครีม
- Hard Boiled Egg (Yolk & White) ไข่ขาวต้ม ไข่แดงต้ม
- Red Onionหอมแดง
- Mango Passion Fruit Spread ซอสมะม่วงเสาวรส
- Sliced Brioche แผ่นขนมปังบริยอช
หมายเหตุ : โปรโมชั่นนี้สำหรับทานบุฟเฟต์ภายในร้านเท่านั้น
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Caviar
คาเวียร์เป็นคำที่มาจากภาษา “เปอร์เซีย” มีความหมายว่า “ไข่ปลาปรุงรส” ซึ่งเป็นไข่ของ “ปลาสเตอร์เจียน” ไม่ใช่ไข่ของปลาคาเวียร์อย่างที่หลายคนอาจเข้าใจผิด
(จริง ๆ แล้วปลาชนิดอื่น ๆ เช่น แซลมอน ปลาเทราต์ ก็สามารถนำมาทำคาเวียร์ได้เช่นกัน แต่ไม่ค่อยเป็นที่นิยม)
ปลาสเตอร์เจียนเป็นปลาโบราณ มีถิ่นกำเนิดที่ทะเลสาบแคสเปียน โดยปลาสเตอร์เจียนนั้นมีหลากหลายสายพันธุ์ ซึ่งแต่ละสายพันธุ์ก็จะให้ไข่ที่มีรสสัมผัสที่แตกต่างกันออกไป
ประเทศที่ถือเป็นต้นกำเนิดของวัฒนธรรมการทานคาเวียร์คือประเทศรัสเซีย เริ่มเป็นที่นิยมในหมู่ราชวงศ์ และชนชั้นสูง เพราะเชื่อว่าเป็นอาหารมงคล จากนั้นจึงได้แพร่หลายไปสู่ประเทศอื่น ๆ ทั้งในยุโรป อเมริกา และเอเชีย
ทำไม Caviar จึงมีราคาที่สูง?
ด้วยรสชาติที่อร่อยและพิเศษกว่าไข่ปลาชนิดอื่น ๆ ทำให้คาเวียร์กลายเป็นที่นิยมอย่างรวดเร็ว กระทั่งจำนวนปลาสเตอร์เจียนตามธรรมชาติลดลงอย่างมากจนเกือบสูญพันธุ์
โดยในปี 2008 จึงมีการประกาศห้ามจับปลาสเตอร์เจียนจากแหล่งน้ำธรรมชาติ และหันมาใช้ระบบเพาะเลี้ยงแทน ซึ่งกระบวนการเพาะเลี้ยงนั้นถือว่าค่อนข้างยาก ต้องมีการควบคุมสภาพแวดล้อม อุณหภูมิ และความสะอาดของน้ำอย่างเข้มงวด รวมทั้งใช้เวลาเพาะเลี้ยงค่อนข้างนาน โดยเริ่มตั้งแต่ 7 – 20 ปี ปลาจึงจะเริ่มวางไข่ แต่แม้ว่าจะเพาะเลี้ยงตามกระบวนการอย่างเคร่งครัด ก็ไม่สามารถการันตีได้ว่าปลาจะสามารถให้ผลผลิตได้
ด้วยระยะเวลาที่ยาวนาน รวมทั้งความเสี่ยงที่ค่อนข้างสูง ทำให้ฟาร์มเพาะเลี้ยงปลาสเตอร์เจียนมีค่อนข้างน้อย ส่งผลให้ผลิตคาเวียร์ได้น้อยตามไปด้วย ซึ่งสวนทางกับต้องการของตลาดที่มีมาก
ด้วยเหตุผลเหล่านี้ คาเวียร์จึงติดหนึ่งในอาหารที่มีราคาสูงที่สุดในโลก!
คาเวียร์ รสชาติเป็นอย่างไร เชื่อว่าหลายคนคงเคยสงสัยกันบ้าง แต่อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า ปลาสเตอร์เจียนแต่ละสายพันธุ์ ก็จะให้รสชาติของไข่ที่แตกต่างกันออกไป
อีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือกระบวนการปรุงรสชาติคาเวียร์และการหมักบ่ม ก็ส่งผลให้คาเวียร์มีรสชาติแตกต่างกันด้วย
ทั้งนี้ส่วนผสมหลักที่ใช้ในการปรุงรสคาเวียร์คือ เกลือ ทำให้คาเวียร์มีรสชาติเค็มอ่อน ๆ เป็นหลัก ส่วนรสชาติและกลิ่นอื่น ๆ นั้นขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ปลารวมทั้งสูตรการปรุงคาร์เวียร์ด้วย เช่น บางชนิดจะให้รสชาติและกลิ่นเหมือนเนยหอม ๆ ที่ค่อย ๆ ละลายในปาก บางชนิดให้รสสัมผัสที่ซับซ้อน มีทั้งความเข้มข้น หอมกรุ่น ตบท้ายด้วยกลิ่นอัลมอนด์จางๆ
ฉะนั้นการจะฟันธงว่าคาเวียร์มีรสชาติอย่างไร คงจะเป็นเรื่องยาก หากอยากรู้จริง ๆ ต้องมาลองเองครับ!
Hungry Hub ‘Caviar experience’ สามารถสำรองที่นั่งได้ในราคาแพคเกจเดี่ยว 2,599/1 Set สำหรับ 1 ท่าน และราคาแพคคู่ 3,699 / 1 Set สำหรับ 2 ท่าน รวมราคาบุฟเฟ่ต์และ Caviar Set เรียบร้อยแล้ว