ถ้าพูดถึงอารีย์ ย่านที่เต็มไปด้วยสีสัน และได้รับขนานนามว่า “ย่านขุนนางเก่า ในเมืองกรุง” ซึ่งถ้าย้อนประวัติศาสตร์เกี่ยวกับ ขุนนาง ก็ชวนให้นึกถึง ขุนนางซามุไร ในยุคสมัยเอโดะ ของประเทศญี่ปุ่น แต่คราวนี้ไม่ต้องบินไปไกล เพราะในครั้งนี้ Hungry Hub จะพาทุกคนไป รีวิว Sushi Koge หนึ่งในร้านโอมากาเสะ ในแบบฉบับเอโดะ ที่เปิดขึ้นมาใหม่ได้ไม่นาน จะมีอะไรที่น่าสนใจกันบ้างมาติดตามไปพร้อมๆกันได้เลย
Sushi Koge โอมากาเสะพรีเมียมเปิดใหม่ ในย่านอารีย์
Sushi Koge เป็นร้านอาหารญี่ปุ่น แนวโอมากาเสะ ที่เปิดเมื่อช่วงมิถุนายน 2023 ตัวร้านจะอยู่ในชั้นใต้ดินของ Vanit Village คอมมูนิตี้ที่รวมรวมร้านอาหาร คาเฟ่ ในย่านอารีย์ ในส่วนของการเดินทางนั้นสามารถนั้นรถไฟฟ้าสายสีเขียวมาลงที่สถานีอารีย์ แล้วเดินตรงมาอีกประมาณ 350 เมตร ส่วนใครที่ขับรถส่วนตัวมากก็สามารถมาจอดได้ที่ลานจอดรถของโครงการก็ได้เช่นเดียวกัน
เมื่อก้าวเข้าสู่ภายในร้านก็จะพบกับบรรยากาศแบบหรูหรา แต่ยังคงกลิ่นอายวัฒนธรรมแบบญี่ปุ่นในรูปแบบตามปรัชญามูซาซิ หรือ มิยาโมโต้ มูซาชิ ที่เขียนไว้ในคัมภีร์ 5 ห่วง The Book of Five Rings ภายใต้คอนเซปต์ ‘Touch the nature ที่ต้องการจะให้ทุกอย่างเกิดความสมบูรณ์ที่สมดุลกันระหว่าง 5 ธาตุพื้นฐาน ได้แก่ ดิน น้ำ ลม ไฟ และความว่างเปล่า ซึ่งเป็นคิดที่สืบต่อกกันมาอย่างยาวนานนับศตวรรษ
ดังนั้นจะเห็นได้เลยว่าภายในร้านนั้นมีองค์ประกอบในการตกแต่งที่เกี่ยวข้องกับ คัมภีร์ 5 ห่วง อย่างชัดเจนไม่ว่าจะเป็นพื้นไม้ หิน ต้นไม้เล็กๆ รวมไปถึงเฟอร์นิเจอร์ที่ตกแต่งอย่างสวยงาม จึงทำให้ทุกอย่างล้วนมีความสมดุล เพื่อสร้างประสบการณ์กานโอมากาเสะ ที่ดีที่สุดราวกับได้สัมผัสจิตวิญญาณของธรรมชาติอย่างแท้จริง
สัมผัสรสชาติแห่งยุคเอโดะ ผ่านวัตถุดิบชั้นเลิศ
สำหรับคอร์สโอมากาเสะที่เสิร์ฟนั้น จะถูกนำเสนอด้วยคอนเซปต์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่าง Signature omakase to reach a new level of culinary journey ที่เป็นการคัดสรรวัตถุดิบชั้นเลิศ ตามฤดูกาลจากแหล่งวัตถุดิบที่ดีที่สุดของญี่ปุ่น มารังสรรค์เป็นเมนูสไตล์เอโดะ ผ่านกระบวนการทำอย่างพิถีพิถันโดยเชฟมืออาชีฟ นอกจากนี้ภาชนะที่เสิร์ฟในแต่ละคอร์สนั้น ก็จะทำมาจากเครื่องปั้นดินเผาฝีมือคนไทย ที่ทำขึ้นมาด้วยมือทุกชิ้น จึงทำให้ความรู้สึกของการไปทานที่นี้จะให้อารมณ์แบบเดียวดั่งกับการไปทานอยู่ในบ้านขุนนางในยุคสมัยเอโดะ
โดยในครั้งนี้เราก็จะไปลอง Edomae 15 Course ที่จะเป็นเซ็ตโอมากาเสะที่เสิร์ฟทั้งหมด 15 คอร์สด้วยกัน เริ่มกันด้วยที่ Mozuku Seaweed สาหร่าย โมซุกุ หรือ สาหร่ายเส้นผมนางฟ้า เป็นวัตถุดิบที่ขึ้นชื่อของจังหวัดอิชิกาวะและโอะกินะวะ จะนำไปหมักกับโทสะสุที่มีรสเปรี๊ยว และเป็นเมนูที่เปิดต่อมรสได้ดีเลยทีเดียว
เมนูต่อไปที่เราได้ลองมีชื่อว่า Aori ika nigiri ซูชิปลาหมึกหอมญี่ปุ่น ที่เลือกใช้ปลาหมึกหอมจากเกาะคิวชู ซึ่งจะมีรสชาติที่หวานนุ่ม ละมุนลิ้น พร้อมความเปรี้ยวเล็กน้อยที่ได้มาจากส้มยูสุที่นำไปขูดและโรยลงบนเนื้อปลาหมึก
Madai nigiri ซูชิหน้าปลามะได หรือ ปลากระพงญี่ปุ่น ที่นำเข้าจากจังหวัดมิเอะ เนื้อปลาจะความขาวและมีไขมันแทรกเล็กน้อย จึงทำให้เป็นที่นิยมของชาวญี่ปุ่น โดยปลาชนิดนี้ในยุคสมัยเอโดะถือว่าเป็นปลาที่มีมูลค่าสูง มักจะนำมาใช้ในงานแต่งงาน หรือ งานเลี้ยงฉลองต่างๆ และมักจะถูกเรียกว่า Tai “ได” ซึ่งมีความหมายสื่อถึงความมงคล
Kinmedai nigiri ซูชิปลาคิมเมได ปลากระพงแดงตาสีทอง เป็นปลาขึ้นชื่อของจังหวัดฉิบะ ที่มีอีกชื่อเรียกหนึ่งว่า Golden Eye Snapper ซึ่งปลาเนื้อขาวสุดหรู ที่มีจุดเด่นอยูู่ที่ผิวหนังสีแดง ตาสีทองกลมโต ความอร่อยของปลาชนิดนี้จะอยู่ที่หนังสีแดง เมื่อทำการอะบุริ หรือ ย่างเพียงเล็กน้อยเพื่อดึงไขมันในส่วนหนัง จะทำให้เกิดความหอมชวนเย้ายวน อีกทั้งในส่วนของเนื้อนั้นก็จะมีความหวาน และละมุน แทรกอยู่อีกด้วย
Aji nigiri ซูชิปลาอาจิ เป็นปลาที่อยู่ในตระกูลแมคเคอเรล สามารถเรียกได้อีกชื่อหนึ่งว่า Jack mackerel หรือปลาหนังเงิน วัตถุดิบขึ้นชื่อของจังหวัดนะงะซะกิ แห่งเกาะคิวชู โดยตัวปลานั้นจะมีไขมันแทรกเล็กน้อย แต่อัดแน่นไปด้วยความเข้มข้นของตัวเนื้อปลา จึงทำให้เข้ากันกับข้าวปั้นที่มีการเคลือบซอสเอาไว้อย่างลงตัว
Hon maguro nigiri เป็นซูชิที่เลือกใช้ ปลาฮอนมะกุโระ หรือที่เรียกกันว่า บลูฟินทูน่า (Bluefin Tuna) โดยจะเป็นปลาที่จะมักอาศัยอยู่ฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก หรือฝั่งตะวันออกของเกาะญี่ปุ่น ปลาชนิดนี้ถือว่าเป็นเหมือนดั่งเทพพระเจ้าแห่งปลาทั้งปวง ที่นักชิมหลายๆคน ต่างก็ต้องการลิ้มรส และสัมผัสรสชาติ อีกทั้งปลาชนิดนี้ที่เดิมทีมีราคาแพง แต่แลกมากับรสชาติที่ทั้งกลมกล่อม ชุ่มฉ่ำ จึงกลายเป็นหนึ่งในเมนูชูโรงที่ควรค่าที่จะได้มาลองสัมผัส
Uni&Ikura mini don เมนูนี้ถือว่าเป็นของดีเกาะฮองไกโดะ โดยจะเสิร์ฟไข่หอยเม่นและไข่ปลาแซลมอน ในรูปแบบของมินิด้ง หรือ ข้าวสไตล์ญี่ปุ่นสไตล์เล็ก ซึ่งตัวหอยเม่นนั้นจะให้รสชาติที่หวานละมุนเข้ากับรสชาติที่เค็มเล็กน้อย และความกรุบกรอบของไข่ปลาแซลมอน เข้ากันแบบลงตัว จึงทำให้เมนูนี้กลายเป็นความอร่อยในสไตล์ฮองไกโดะ ที่ทั้งทานง่าย และเหมาะสำหรับทุกคน
Kushi yaki คุชิยากิ เป็นเมนูของย่างเสียบไม้ ที่จะนำไปย่างบนเตาที่มีการสลักอย่างคลาสสิก ซึ่งเมนูคุชิยากิของทางร้านจะมีให้เลือกถึง 3 อย่าง 3 รสชาติ ไม่ว่าจะเป็น 1. หนวดปลาหมึกปรุงรสด้วยพริกญี่ปุ่นและมะนาว 2. ลูกหอยเชลล์ปรุงรสด้วยมัสตาร์ดและงา และ 3. เนื้อวากิวA5ปรุงรสด้วยเกลือพริกไทย
Goma Toufu หรือ เต้าหู้งาญี่ปุ่น เป็นเมนูเต้าหู้ที่มีเนื้อสัมผัสสุดนุ่มนิ้ม ไปหอมด้วยกลิ่นงาคั่วบด และเพิ่มรสชาติและกลิ่นหอมด้วยซุปปลาแห้งและไข่ปลาแซลมอนที่ใส่ไว้บนเต้าหู้
Awabi kimo เมนูหอยเป่าหื้อ ที่ได้เลือกใช้หอยเป๋าหื้อจากจังหวัดเอะฮิเมะ ในประเทศญี่ปุ่น นำไปนึ่งกับสาเกนานถึง 3 ชั่วโมง พร้อมกับซอสตับหอยเป่าหื้อ เมนูนี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งซิกเนเจอร์ที่แนะนำของทางร้านเลยก็ว่าได้
Toro Taku Temaki ทูน่าแบบฉบับแฮนด์โรลโอมากาเสะ โดยจะเป็นเมนูที่นำทูน่าทั้ง 3 ส่วน มาสับรวมกันพร้อมกับหัวไชเท้าดองต้นหอมญี่ปุ่น ห่อด้วยสาหร่ายกรอบที่ถูกนำไปย่างจนหอม คำนี้จะเป็นคำที่ปิดท้ายได้ดีมากๆ
Asari Suimono Jiru ซุปซุยโมโนะ เป็นซุปไสแบบฉบับญี่ปุ่นที่ชาวญี่ปุ่นมักจะนิยมทานกับข้าว โดยคำว่า ซุยโมโนะนั้นมีความหมายว่า “จิบ” อีกทั้งยังเป็นอาหารพื้นเมือง หรือ วาโชกุ ที่ถูกขึ้นชื่อว่าเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ โดยยูเนสโก้ ซึ่งตัวซุปนั้นจะมีกลิ่นหอมของน้ำปลาแห้ง อีกทั้งยังได้มีการเพิ่มเต็มหอยลายญี่ปุ่นเข้าไปด้วย ทำให้เวลาซดในแต่ละครั้งจะสัมผัสรสชาติอูมามิได้เป็นอย่างดี
หลังจากจัดหนักกับของคาวกันมาอย่างเต็มที่ ก็มาปิดท้ายกันด้วยคอร์สสุดท้ายด้วย ไอศกรีมวานิลลา ที่จะเสิร์ฟมาพร้อมกับโมจิเนื้อเด้ง หวานละมุน และก็รวมไปถึงถั่วแดงบท ถือว่าเป็นคอร์สปิดท้ายที่จะเติมเต็มความสดชื่น และความหวาน ได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว
และนี้ก็คือ รีวิว Sushi Koge ร้านโอมากาเสะเปิดใหม่ ในย่านอารีย์ ที่นอกจากจะได้สัมผัสกับบรรยากาศ ยังได้ลิ้มลองเมนูชั้นเลิศที่รังสรรค์โดยเชฟฝือมือดี ซึ่งทำให้ในแต่ละคำที่ได้ลิ้มลองนั้น เหมือนดั่งกับการย้อนประวัติศาสตร์กลับไปช่วงยุคสมัยขุนนางเอโดะกันเลยทีเดียว และที่สำคัญตอนนี้ Sushi Koge ก็มีโปรโมชั่นร่วมกับ Hungry Hub กับ 15 คอร์สโอมากาเสะ ในราคาพิเศษเริ่มต้นเพียง 2,290 บาทเท่านั้น
สามารถติดตามโปรโมชั่น ที่ไม่ควรพลาดได้ที่ Facebook : Hungry Hub แอปจองมื้อพิเศษอันดับ 1 ของไทย
อ่านบทความอื่นๆที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ที่นี่