หากจะเอ่ยถึงห้องอาหารอิตาเลียนระดับตำนานที่ครองใจนักชิมในกรุงเทพฯ มาอย่างยาวนานใน่านสุขุมวิท แน่นอนว่าหลายคนต้องนึกถึง Rossini’s at Sheraton Grande Sukhumvit กันอ่างแน่นอน ด้วยบรรยากาศสไตล์ทัสกัน และเมนูอิตาเลีนอันขึ้นชื่อ วันนี้ Hungry Hub ขอพาทุกคนไปสัมผัสประสบการณ์ความอร่อยแบบจัดเต็ม กับ 6 เมนูไฮไลต์ที่เราคัดมาแล้วว่า ‘พลาดไม่ได้’ และอยากให้คุณได้ลองสัมผัสด้วยตัวเองดูสักครั้ง
เจาะลึก 6 เมนูแนะนำจาก Rossini’s at Sheraton Grande Sukhumvit
1. AMUSE BOUCHE

เริ่มต้นกันด้วยอาหารเรียกน้ำย่อยชิ้นเล็กๆ ที่ทานเพื่อกระตุ้นต่อมรับรสก่อนเริ่มจานหลัก โดยเชฟจัดเสิร์ฟมาอย่างสวยงามบนจานสี่เหลี่ยมที่รองพื้นด้วยถั่วเลนทิลดำ เมนูที่เราได้ลิ้มลองประกอบไปด้วย 3 คำที่มีรสชาติแตกต่างกัน เริ่มจาก Melon Parma Ham ที่ให้ความหวานฉ่ำของเมลอนตัดกับความเค็มอันเป็นเอกลักษณ์ของพาร์มาแฮม ตามมาด้วย Arancini หรือข้าวทอดสไตล์อิตาเลียนที่เสิร์ฟคู่กับทรัฟเฟิลมาโยส่งกลิ่นหอมเตะจมูก และปิดท้ายคำสุดท้ายด้วยความเข้มข้นของพาเมซานชีสพร้อมกับคาเวียร์ที่ท็อปอยู่ด้านบน เป็นการอุ่นเครื่องที่ยอดเยี่ยม
2. TROTA (Marinated Rainbow Trout)

เข้าสู่จานเรียกน้ำย่อยหลักอย่างปลาเทราต์ จานนี้ถูกนำเสนอในรูปแบบของปลาเทราต์เรนโบว์หมัก เนื้อปลานุ่มและซึมซับรสชาติจากการหมักได้อย่างดีเยี่ยม แต่สิ่งที่ถือเป็นไฮไลต์คือองค์ประกอบแวดล้อม เริ่มจาก Lemon Snow หรือผงมะนาวเนื้อละเอียดคล้ายเกล็ดหิมะที่โรยอยู่บนปลา มอบมิติของรสเปรี้ยวสดชื่นและกลิ่นหอมช่วยตัดความมันของปลาได้อย่างลงตัว ผสานกับ Compressed Cucumber หรือแตงกวาอัดที่ผ่านกระบวนการพิเศษทำให้มีเนื้อสัมผัสกรอบเด้ง ช่วยเสริมรสชาติแตงกวาให้เข้มข้นยิ่งขึ้น ก่อนจะปิดท้ายด้วย Mojito Aroma กลิ่นหอมบางๆ ของโมจิโต้ที่ช่วยยกระดับความสดชื่น ทำให้จานนี้ไม่ได้มีดีแค่รสชาติ แต่ยังมีการเล่นกับกลิ่นสัมผัสที่น่าสนใจอีกด้วย
3. POLIPO (Charred Octopus)

ต่อกันที่เมนูปลาหมึกยักษ์ย่างที่ต้องชมเชยเรื่องเทคนิคการย่าง เพราะเนื้อปลาหมึกมีความนุ่มกำลังดี ไม่เหนียวเลยแม้แต่น้อย พร้อมกลิ่นหอมจากการย่างที่ชวนรับประทาน ความพิเศษอยู่ที่การเสิร์ฟคู่กับ Pomodorini in Salsa Rosa มะเขือเทศเชอร์รี่ตุ๋นในน้ำมันช้าๆ (Confit) มาในซอสสีชมพูอ่อนรสเปรี้ยวอมหวานนุ่มนวล ช่วยตัดรสชาติปลาหมึกได้ดี เพิ่มมิติด้วย Nero Di Polipo หรือหมึกดำที่นำมาปรุงแต่งสีสันและรสชาติให้ลุ่มลึกขึ้น และเติมเต็มความสมบูรณ์แบบด้วย Olio Al Basilico หรือน้ำมันใบโหระพาที่ราดมาบางเบา ช่วยเสริมกลิ่นอายแบบเมดิเตอร์เรเนียน แสดงให้เห็นถึงความประณีตในการผสมผสานรสชาติได้อย่างลงตัว
4. SPAGHETTI VONGOLE

เข้าสู่ช่วงของพาสต้าด้วยเมนูคลาสสิกที่คุ้นเคย จานนี้ใช้เส้น Spaghetti ที่ปรุงมาอย่างลงตัว มีความเหนียวนุ่มสู้ฟันกำลังดี ผัดคลุกเคล้ากับ Vongole Veraci Saltate หรือหอยลายที่ผัดจนสุกพอเหมาะ ดึงรสหวานตามธรรมชาติของหอยออกมาเคลือบเส้น สิ่งที่เติมเต็มรสชาติคือ Prezzemolo Fresco หรือพาร์สลีย์สดที่โรยมาพอประมาณเพิ่มกลิ่นหอมสดชื่น และขาดไม่ได้คือการคลุกเคล้าด้วย Olio Extravergine น้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้นคุณภาพเยี่ยม ที่ช่วยเพิ่มความหอมมันและความกลมกล่อม ทำให้เป็นพาสต้าที่ดูเรียบง่ายแต่เปี่ยมด้วยรสชาติที่ทานเพลินจนหมดจาน
5. FILETTO DI MANZO (Grilled Angus Tenderloin)

มาถึงช่วงไฮไลต์ของจานหลัก เริ่มต้นด้วยสเต๊กเนื้อสันในแองกัส จานนี้เชฟย่างบนเตาจนได้ความสุกที่สมบูรณ์แบบ เนื้อมีความนุ่มละมุนลิ้น แทบไม่ต้องออกแรงเคี้ยว และยังคงความฉ่ำของเนื้อไว้อย่างเต็มที่ ตัวสเต๊กเสิร์ฟพร้อมกับเครื่องเคียงที่เข้ากัน ไม่ว่าจะเป็น Purea Di Patate มันบดเนื้อเนียนละเอียดรสชาตินุ่มนวล ตัดด้วย Spinaci Saltati ผักโขมผัดที่ให้ความสดชื่น และราดด้วย Salsa Al Manzo หรือซอสเนื้อเข้มข้น (Beef Jus) ที่ช่วยเพิ่มมิติของรสชาติและเสริมความอร่อยให้กับเนื้อได้อย่างยอดเยี่ยม สร้างประสบการณ์การทานสเต๊กที่น่าประทับใจ
6. AGNELLO (Grilled Lamb Rack)

ปิดท้ายจานหลักด้วยซี่โครงแกะย่างอย่างพิถีพิถัน จุดเด่นที่สำคัญคือเนื้อแกะมีความนุ่มละมุนและไม่มีกลิ่นสาบเลย ซึ่งเป็นสิ่งที่นักชิมหลายคนชื่นชอบ จานนี้เสิร์ฟพร้อมเครื่องเคียงที่หลากหลาย ทั้ง Spinaci Saltati ผักโขมผัด Purea Di Sedano Rapa เพียวเร่เซเลอรี่แรปที่มีรสชาติเฉพาะตัวและเนื้อเนียนนุ่ม รวมถึง Patate Arrosto มันฝรั่งอบหอมกรุ่น ปิดท้ายด้วยการราด Salsa Di Agnello ซอสแกะเข้มข้นที่ช่วยดึงรสชาติและยกระดับความอร่อยของเนื้อแกะให้สมบูรณ์แบบ เป็นการจบมื้ออาหารได้อย่างสวยงาม
และนี้ก้คือ 6 เมนูแนะนำ Rossini’s at Sheraton Grande Sukhumvit บอกแต่เลยว่าแต่ละเมนูที่ได้ลองนั้น นอกจากความอร่อยแล้วยังได้เหมือนกับสัมผัสศิลปะบนจานอาหาร ซึ่งเชฟถ่ายทอดออกมาได้อย่างไร้ที่ติ ที่สำคัญก็มีให้จองแล้วผ่าน Hungry Hub ในราคาสุดพิเศษ เริ่มต้นเพียงคนละ 559 บาท ต่อท่านเท่านั้น!!



