จากข่าวล่าสุดที่เชฟอาหารญี่ปุ่นชื่อดัง ที่ได้เจอเม็ดสีส้มปริศนา ที่เรียกว่า ไข่ปลาแซลมอน วางขายในห้าง ที่มีส่วนผสมเป็นน้ำกว่า 98%!! ซึ่งทำให้คนรักอาหารญี่ปุ่นต้องหันมามองกันว่าไข่ปลาแซลมอนทีเราทานนั้น เป็นของจริงหรือไม่ ฉะนั้นวันนี้ Hungry Hub จะพาไปหาคำตอบและเปรียบเทียบกันในบทความนี้ ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันพร้อมๆกันได้เลย
ไข่ปลาแซลมอน คืออะไร?

ไข่ปลาแซลมอน (Salmon Roe) มีเรียกในชื่อภาษาญี่ปุ่นว่า อิคุระ (Ikura) ซึ่งมาจากภาษารัสเซีย ที่มีความหมายว่า “ไข่ปลา” มีลักษณะเป็นเม็ดสีส้มขนาดเล็ก โดยด้านในจะเป็นน้ำ ที่เมื่อกัดไปแล้วจะแตกออกมา ซึ่งแน่นอนว่าอิคุระนั้นจะไม่มีรสชาติ หรือ อาจจะออกคาวนิดนึง แต่ที่เราทานกันทั่วไปแล้วมีรสชาติออกเค็มๆ เพราะว่ามีการนำไปแช่โชยุหรือเกลือเพื่อเพิ่มรสชาติ นอกจากนี้ อิคุระ มักจะนิยมนำไปทานคู่กับซูชิ โรยหน้าดงบุริ หรือ ทานคู่กับแตงกวา และมีราคาที่ค่อนข้างสูง ตั้งแต่ 500 ไปจนถึงหลักพันกันเลยทีเดียว
ประโยชน์ของไข่ปลาแซลมอน
ไข่ปลาแซลมอนนอกจากจะมีประโยชน์ในการตกแต่งเพื่อเพิ่มความสวยงามแล้ว เนื่องจากเป็นอาหารที่มาจากท้องทะเล ดังนั้นก็ยังมีประโยชน์มากมายที่เราอาจจะยังไม่เคยรู้มาก่อน อาทิ โอเมก้า 3-6-9 และ DHA ที่ช่วยเสริมสร้างเนื้อเยื่อในสมอง และยังช่วยเสริมระบบการทำงานของระบบประสาทและสมอง รวมไปถึงระบบความจำให้ทำงานได้เต็มประสิทธิ์ภาพมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ก็ยังมีวิตามิน A B D ที่ช่วยบำรุงสายตา ระบบสมอง เสริมสร้างกระดูกและฟัน ส่วนใครที่อยากมีผิวชุ่มชื่น นุ่มนวล ไข่ปลาแซลมอนก็ยังมีสารไซโตไคนิน ซึ่งเป็นสารที่สำคัญต่อการสร้าง คอลลาเจนในผิวของเราอีกด้วยนั้นเอง
ไข่ปลาแซลมอนเทียม คืออะไร?

ไข่ปลาแซลมอนเทียม มีอีกชื่อเรียกว่า ไข่มังกร หรือ (hobo ikura) ไม่ได้มาจากมังกรจริงๆ หรือ ปลาแซลมอนจริงๆแต่อย่างไร แต่มาจากวิธีการทำอาหารแบบวิทยาศาสตร์ที่เรียกว่า Molecular Gastronomy หรือ อาหารโมเลกุล โดยเป็นการนำหลักการทางวิทยาศาสตร์มาใช้ร่วมกับการประกอบอาหาร ผ่านเครื่องมือ และส่วนผสมต่างๆ ซึ่งก็จะมีหลากหลายวิธีด้วยกัน ยกตัวอย่างเช่น
เทคนิคซูวี (Sous-Vide) เป็นเทคนิคการปรุงอาหาร ด้วยการนำอาหารใส่ถุงพลาสติกที่มิดชิด ไร้ซึ่งอากาศภายในถุง จุ่มลงในอ่างน้ำอุณหภูมิเฉพาะ เพื่อให้สุกช้าๆ โดยมักจะพบเห็นเทคนิคนี้จากร้านอาหารระดับ 5 ดาว หรือ ร้านอาหารระดับสูง เพราะว่าเทคนิคนี้ต้องใช้เวลาในการทำกว่า 1-3 วันกันเลยทีเดียว
ส่วนไข่ปลาแซลมอนเทียมจะใช้เทคนิคที่เรียกว่า Faux Caviar เป็นเทคนิคในการสร้างเม็ดเจลใสๆ ที่หุ้มไปด้วยของเหลวด้านในเม็ดเจล โดยเมื่อกัดไปแล้วจะแตกละลายในปากคล้ายกับไข่ปลาแซลมอนของจริง ซึ่งเทคนิคนี้จะต้องใช้วัตถุดิบที่สำคัญอย่าง สารโซเดียมอัลจิเนต ซึ่งเป็นสารที่นิยมในวงการอุตสาหกรรมอาหาร และแคลเซียมคลอไรด์ โดยวิธีการทำเพียงแค่นำ โซเดียมอัลจิเนต มาผสมกับสีผสมอาหารแดงและส้ม เพิ่มน้ำมันปลาลงไปให้คล้ายกับของจริงมากยิ่งขึ้น ก่อนที่จะหยดลงไปในสารแคลเซียมคลอไรด์ และช้อนขึ้นมาจากน้ำ เพื่อให้กลายเป็นเม็ดกลมๆ ที่เปรียบเสมือนมีแผ่นฟิลม์หุ้มอยู่นั้นเอง
ไข่ปลาแซลมอนเทียม สามารถทานได้หรือไม่?

ถึงแม้ว่าไข่ปลาแซลมอนเทียมจะมาจากเทคนิคที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์ แต่ทว่าสารเคมีต่างๆที่ใช้ในการทำอาหารแบบ อาหารโมเลกุล ส่วนมากแล้วจะเป็นสารเคมีเกรดอาหาร ที่สามารถรับประทานได้ไม่เกิดผลอันตรายใดๆ ที่สำคัญการที่มีไข่ปลาแซลมอนเทียมยังเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่แพ้ไข่ปลา และยังมีคอเลสเตอรอลที่อยู่ในปริมาณต่ำ ยังเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมปริมาณ คอเลสเตอรอล ในร่างกายด้วยเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ดีในประเทศญี่ปุ่นเขาก็มีกฎหมายอยู่อย่างชัดเจนก็คือ ถ้าเกิดมีการจำหน่ายไไข่ปลาเทียมแล้วบอกว่านี้คือไข่ปลาจริงๆ จะถือว่าผิดกฎหมายของประเทศญี่ปุ่น ด้วยละครับ ดังนั้นพ่อค้า แม่ค้าในประเทศนั้นก็จะต้องมีการบอกอย่างชัดเจนว่าอาหารนี้มีการใช้ไข่ปลาแซลมอนเทียม เพื่อป้องกันไม่ให้คนเกิดการสับสนและเข้าใจผิด รวมไไปถึงการป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้นจากผู้ที่แพ้ไข่ปลานั้นเอง
ที่มา : Seamenowsseafood | เชฟโฌ | Futurefood
เป็นยังไงกันบ้างครับกับเรื่องราวของ ไข่ปลาแซลมอน ที่นำมาฝากกันในครั้งนี้ เชื่อว่าหลายๆคนก็อาจจะหายสงสัยกันแล้วใช่ไหมละครับว่า ไข่แซลมอนที่เราทานไปเป็นของจริงและของเทียม มีความแตกต่างกันอย่างไร เพราะทั้ง 2 แบบนั้นก็สามารถทานได้จริงๆ โดยที่ไม่เกิดผลข้างเคียงใดๆ ดังนั้นสบายใจได้เลยครับ
สามารถติดตามโปรโมชั่น ที่ไม่ควรพลาดได้ที่ Facebook : Hungry Hub แอปจองมื้อพิเศษอันดับ 1 ของไทย
อ่านบทความอื่นๆที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ที่นี่