พูดถึงสายพันธุ์ทุเรียน ที่เป็นที่นิยมของคนไทยจำนวนไม่น้อย ก็ต้องพูดถึง ทุเรียนหลงลับแล ด้วยความหวาน หอม มัน วันนี้ Hungry Hub จะขอพาไปแนะนำวิธีการเลือก ว่าต้องเลือกทุเรียนอย่างไร ถึงจะได้เนื้อคุณภาพที่ดี และอร่อยถูกใจ ถ้าพร้อมแล้วไปติดตามพร้อมกันได้เลยจ้า
ทุเรียนหลงลับแลคืออะไร? มีที่มาจากไหน?

ทุเรียนหลงลับแล คือ หนึ่งในสายพันธุ์ของทุเรียน มีชื่อเรียกภาษาอังกฤษว่า Longlap Lae Durian โดยผู้ที่ริเริ่มปลูกสายพันธุ์นี้เป็นคนแรกคือ นายลม อุประ และ นางหลง อุประ ชาวสวนจากตำบลหัวดง จ.อุตรดิตถ์ ที่เดิมทีแล้วพวกเขาไม่ทราบมาก่อนว่าเป็นสายพันธุ์อะไร และได้นำไปปลูกจนเติบโตที่ บ้านผามูบ
ต่อมา นายลม และ นางหลง ก็ได้นำผลของทุเรียนที่ปลูกได้ส่งเข้าประกวดจัดขึ้นโดย กรมวิชาการเกษตรและกรมส่งเสริมการเกษตร และได้รางวัล “ทุเรียนที่ปลูกจากเมล็ดยอดเยี่ยม” เมื่อปี พ.ศ. 2520 จาก ก่อนที่จะขึ้นจดทะเบียนและรับรองสายพันธุ์ เป็นชื่อว่า ทุเรียนหลงลับแล จากนั้นใน พ.ศ. 2527 ก็ได้มีการเสียบยอดกึ่งพันธุ์ทุเรียนกับสายพันธุ์พื้นเมือง เพื่อเป็นการขยายพันธุ์ จนประสบความสำเร็จในเวลาต่อมา
เทคนิคการเลือกทุเรียนหลงลับแล เลือกอย่างไร ให้อร่อย
ทุเรียนหลงลับแลเป็นทุเรียนสายพันธ์ุที่หายากมากขึ้นในปัจจุบัน ดังนั้นเวลาเราเจอวางขายในตลาดเราอาจจะต้องสังเกตว่าทุเรียนที่เราจะซื้อมารับประทานนั้นมีคุณภาพ และพร้อมทานหรือไม่ เพื่อไขข้อสงสัยให้กระจ่างดังนั้นวันนี้ Hungry Hub ก็มีเคล็ดลับดีๆ ในการเลือกดูสายพันธุ์ทุเรียนแบบง่ายๆ ไม่ให้โดนหลอก มาฝากกัน
1. มีกลิ่นหอมอ่อนๆ เมื่อดมที่เปลือกของทุเรียน
หลายๆ คนแค่ได้ยินคำว่าทุเรียนก็อาจคิดว่าทั้งลูกมีกลิ่นที่เหมือนผลข้างในแน่ๆ แต่จริงๆแล้ว ทุเรียนที่สุกพร้อมทาน เมื่อเราลองดมก็จะพบว่ามันกับมีกลิ่นที่หอมอ่อนๆ คล้ายกับดอกไม้ โชยเข้าจมูก ถ้ามีกลิ่นแบบนี้นี้แหละคือสัญญาณเริ่มที่ดีของทุเรียนเลยว่า ลูกนี้ยังไงก็ดีแน่นอน
2. หนามเมื่อบีบเข้าหากันจะยึดหยุ่นเหมือนสปริง

เทคนิคต่อมาให้ลองใช้นิ้ว 2 นิ้วบีบที่หนามตรงด้านไหนก็ได้ กะแรงบีบให้พอประมาณถ้าทำถูกต้องเวลาบีบก็จะให้ความรู้สึกว่าหนามทั้ง 2 ขั้วมีแรงยืดหยุ่นคล้ายกับสปริง ในทางกลับกันถ้าทุเรียนที่ผลอ่อนๆ เวลาบีบหนาวก็จะมีลักษณะอ่อนนุ่ม ไม่มีแรงยืดหยุ่นใดๆ
3. ขั้วปลิงมีลักษณะบวมโต

ขั้วปลิง อยู่ส่วนไหนของทุเรียน? ขั้วปลิงจะอยู่ที่ตรงกลางของก้านทุเรียน ซึ่งทุเรียนที่แก่ผลสุกแล้วจะมีลักษณะบวมๆ และรอยต่อระหว่างขั้วที่สามารถสังเกตได้อย่างชัดเจนมากๆ แต่ถ้าผลที่ยังไม่แก่ก็จะยังไม่บวมเท่ากับผลที่สุกแล้วนั้นเอง
4. ปลายหนามมีสีน้ำตาลเข้ม

ผลทุเรียนที่ใกล้จะสุกแล้ว ปลายหนามจากเดิมที่เป็นสีเขียว จะเริ่มเปลี่ยนสีเป็นสีน้ำตาลเข้ม แต่ถ้ายังมีสีเขียวอยู่ก็แสดงว่าผลอาจจะยังไม่สุกดี
5. เคาะที่โกรกหนามของทุเรียนแล้วจะมีเสียงที่ก้องๆ หลวมๆ
ขั้นตอนนี้ให้เราลองใช้นิ้วดีดไปที่โกรกหนามทุเรียน ซึ่งจะอยู่ตรงส่วนกลางๆ ของหนามกะแรงดีดให้พอดี และเมื่อดีดไปแล้วให้ลองฟังเสียงที่กระทบกันระหว่างนิ้วของเรากับทุเรียนถ้ามีเสียงโพรกดัง ก้องๆ หลวมๆ แต่ถ้าผลที่ยังไม่สุกเวลาเคาะจะมีเสียงแน่นๆ
6. สังเกตสีของร่องพู

ร่องพู จะสามารถสังเกตได้จากเปลือกของทุเรียน ถ้าทุเรียนที่สุกแล้ว ร่องพูของทุเรียนจะสามารถสังเกตได้อย่างชัดเจน และจะมีสีน้ำตาลปนเหลือง ส่วนทุเรียนที่ยังไม่สุกร่องพูจะออกสีเขียว

อ่านจบแบบนี้แล้วก็ได้เทคนิคและความรู้ในการดู ทุเรียนหลงลับแล กันอย่างเต็มที่ไปเลยใช่ไหมครับ นอกจากนี้ถ้าเกิดใครอยากจะลองทุเรียนหลงลับแล เกรดพรีเมี่ยม ที่รสชาติ หอม หวาน มัน แล้วละก็ขอแนะนำ ทุเรียนหลงลับแล จาก ไฮ-ฮิลส์ ฟาร์ม (High-Hills Farm) สวนทุเรียนหลงลับแลที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย! ส่งถึงบ้านคุณแล้ว พร้อมกับราคาพิเศษที่สามารถสั่งแบบเดลิเวอรี่ ได้ที่ Hungry Hub เริ่มต้นเพียง 1,000 บาท เท่านั้น