สายช้อป สายกิน อาจจะสงสัยกันว่า ช้อปดีมีคืน 2566 คืออะไร? ทำไมคนที่เป็นนักช้อปปิ้งตัวแม่อย่างเราๆ จะต้องรู้ เพราะว่าสิทธินี้ เป็นสิทธิที่มีประโยชน์กับทุกคนอย่างมาก เพราะสามารถใช้คืนภาษีได้สูงสุดถึง 10,000 กว่าบาทเลยทีเดียว เพราะเชื่อได้เลยว่า หลังปีใหม่หลายๆคนก็อาจจะช้อปเพลินจนกระเป๋าแห้ง จนอาจจะไม่มีเงินที่เอาไว้ซื้อเข้าของติดเข้าบ้านกัน แล้วช้อปดีมีคืน คืออะไร มีเงื่อนไขอย่างไร และใช้กับอะไรไม่ได้บ้าง วันนี้จะพาไปหาคำตอบกัน
ช้อปดีมีคืน 2566 คืออะไร?
ช้อปดีมีคืน คือ มาตรการสำหรับกระตุ้นเศรษฐกิจ และการใช้จ่ายของประชาชน โดยสิทธิสามารถใช้ได้กับ ผู้ที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ยกเว้นห้างหุ้นส่วนสามัญ หรือ คณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล) เพื่อใช้ในการหักลดหย่อนค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการเท่าที่ได้ใช้จ่าย เป็นค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการสำหรับการซื้อสินค้าหรือการรับบริการในราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึงภายในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 ได้สูงสุดไม่เกิน 40,000 บาท
โดยในการหักลดหย่อยภาษี จะแบ่งสิทธิเป็น 2 ช่วงด้วยกัน
- ค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการ 30,000 บาทแรก จะต้องออกใบกำกับภาษีแบบกระดาษ หรือ ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์เต็มรูปแบบ ที่ออกผ่านระบบใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ และใบรับอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice & e-Receipt) ของกรมสรรพากรเท่านั้น
- และค่าซื้อสินค้าและค่าบริการ 10,000 บาทที่เหลือ สามารถใช้ได้เพียง ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์เต็มรูปแบบ ที่ออกผ่านระบบใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ และใบรับอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice & e-Receipt) ของกรมสรรพากร
สินค้าและบริการที่สามารถใช้สิทธิร่วมกับช้อปดีมีคืนได้
- ค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการจากผู้ประกอบการที่มีหน้าร้าน หรือ ร้านค้าแบบออนไลน์ในประเทศไทยที่มีการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ซึ่งสามารถออกใบกำกับภาษีมูลค่าเพิ่มเต็มรูปแบบให้ได้เท่านั้น ยกตัวอย่างเช่น ห้างสรรพสินค้า ร้านค้าสะดวกซื้อ หรือ ร้านอาหาร
- หนังสือ สื่อสิ่งพิมพ์ทั้งแบบ Physical และ E-Book (ยกเว้นหนังสือประเภทนิตยสารและหนังสือพิมพ์) ทั้งนี้หากเป็นหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-Book จะต้องมีเอกสารหลักฐานที่ชัดเจน เพื่อที่จะสามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีได้
- สินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ที่ได้ลงทะเบียนกับกรมการพัฒนาชุมชนแล้ว โดยสามารถตรวจสอบร้านค้าได้ที่เว็บไซต์ otoptoday
สินค้าและบริการที่ไม่สามารถใช้สิทธิร่วมกับช้อปดีมีคืนได้
- ค่าสุรา เบียร์และไวน์
- ค่ารถยนต์ รถจักรยานยนต์ และเรือ
- ค่าซื้อยาสูบ
- ค่าซื้อหนังสือพิมพ์และนิตยสาร
- ค่าบริการหนังสือพิมพ์และนิตยสารที่อยู่ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต
- ค่าบริการจัดนำเที่ยว และมัคคุเทศก์
- ค่าที่พักโรงแรม
- ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าอินเตอร์เน็ต
- ค่าบริการที่มีข้อตกลงการให้บริการและผู้รับบริการสามารถใช้บริการดังกล่าว อาทิ ค่าสมาชิกต่างๆ
- นอกเหนือจากระยะเวลาตามที่กำหนด
- ค่าเบี้ยประกันวินาศภัย
อัตราเงินคืนภาษีช้อปดีมีคืน 2566
ถึงแม้ว่ามาตรการช้อปดีมีคืน จะเป็นสิทธิประโยชน์ที่สามารถใช้ลดหย่อยภาษีได้ แต่รู้หรือไม่ว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถทำได้ เพราะว่า สิทธิประโยชน์นี้สามารถใช้ได้เพียงเพราะผู้ที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาอย่างเดียวเท่านั้น ส่วนใครที่ไม่มีรายได้ มีรายได้ต่อปีน้อยกว่า 150,000 บาท หรือผู้ที่มีค่าลดหย่อนภาษีอื่นๆอยู่แล้ว ก็จะไม่สามารถใช้ได้นั้นเอง โดยอัตราเงินคืนของช้อปดีมีคืน มีดังนี้
- ผู้ที่มีรายได้ต่อปีไม่เกิน 150,000 บาท ไม่สามารถเข้าร่วมมาตรการนี้ได้
- ผู้ที่มีรายได้ต่อปี 150,001 – 300,000 บาท รับค่าลดหย่อนภาษีสูงสุด 1,500 บาท
- ผู้ที่มีรายได้ต่อปี 300,001 – 500,000 บาท รับค่าลดหย่อนภาษีสูงสุด 3,000 บาท
- ผู้ที่มีรายได้ต่อปี 500,001 – 750,000 บาท รับค่าลดหย่อนภาษีสูงสุด 4,500 บาท
- ผู้ที่มีรายได้ต่อปี 750,001 – 1,000,000 บาท รับค่าลดหย่อนภาษีสูงสุด 6,000 บาท
- ผู้ที่มีรายได้ต่อปี 1,000,001 – 2,000,000 บาท รับค่าลดหย่อนภาษีสูงสุด 7,500 บาท
- ผู้ที่มีรายได้ต่อปี 2,000,001 – 5,000,000 บาท รับค่าลดหย่อนภาษีสูงสุด 9,000 บาท
- ผู้ที่มีรายได้ต่อปี 5,000,001 บาทขึ้นไป รับค่าลดหย่อนภาษีสูงสุด 10,500 บาท
เงื่อนไขการขอใบกำกับภาษี ช้อปดีมีคืน กับ Hungry Hub
- ลูกค้าสามารถขอใบกำกับภาษีที่ร้านอาหารได้โดยตรง โดยทำการแจ้ง Booking การจองของ Hungry Hub และรายละเอียดในการออกใบกำกับภาษี
- สำหรับการสั่งอาหารแบบเดลิเวอรี่ (Delivery) สามารถแจ้งออกใบกำกับภาษี ในช่องคำขอพิเศษ ในขั้นตอนการจอง ซึ่งร้านอาหารจะออกใบกำกับภาษี ส่งไปให้พร้อมกับออร์เดอร์ของลูกค้า
ดังนั้นใครที่เป็นสายช้อปปิ้ง สายกิน อ่านบทความนี้จบแล้วอย่าลืมวางแผนไปใช้ สิทธิช้อปดีมีคืน 2566 กันนะทุกคน เพราะว่าสิทธินี้เป็นตัวเลือกที่มีความน่าสนใจสำหรับผู้ที่ออกไปช้อปปิ้งกันบ่อยๆ แถมยังได้ลดหย่อนอีกด้วยแบบนี้คุ้มสุดๆ โดยสิทธินี้ก็มีตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม จนถึง 15 กุมภาพันธ์ 2566 แต่ถ้าเกิดใครยังไม่รู้ว่าจะไปช้อปที่ไหน ก็ลองแวะมาทานอาหารอร่อยๆ กับโปรเด็ด ที่ Hungry Hub กันได้เลยเพราะว่าที่นี่มีร้านอาหารมากมายให้ได้เลือกกันอีกเพียบ
สามารถติดตามโปรโมชั่น ที่ไม่ควรพลาดได้ที่ Facebook : Hungry Hub แอปจองมื้อพิเศษอันดับ 1 ของไทย
อ่านบทความอื่นๆที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ที่นี่